วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ฉลาดใช้ อุเบกขาธรรม โดยหลวงปู่ดู่

ฉลาดใช้อุเบกขาธรรม โดยหลวงปู่ดู่

http://ainews1.com/article511.html

Bookmark and Share

ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้จักพรหมวิหารธรรม กันเป็นอย่างดี ส่วนวิธีการใช้คุณธรรม แต่ละอย่าง อาจไม่ส่งผลดีต่อตัวผู้ใช้ ทั้งๆที่มีเจตนาดีก็ตาม พลอยได้รับโทษทุกข์ป่นปี้ไปด้วยก็ได้ หากใช้ เมตตา ก็ดี สงสารก็ดี มุทิตาจิตก็ดี ไม่ถูกกาละเทศะ และชอบด้วยคุณธรรม

ถ้าหากใช้ผิดที่ผิดทางแล้ว จะเกิดผลเสียหายอย่างใด ลองแวะมาพิจารณาเหตุผลที่หลวงปู่ดู่ นำมาวิเคราะห์ อย่างลึกซึ้งให้แก่ผู้รับฟัง ดังนี้ :

ทรรศนะต่างกัน

การมาอยู่ด้วยกัน ปฏิบัติด้วยกันมากเข้า ย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ ทิฐิความเห็นย่อมต่างกัน ขอให้เอาแต่ส่วนดีมาสนับสนุนกัน อย่าเอาเลวมาอวดกัน การปรามาสพระก็ดี การพูดจาจ้วงจาบในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือท่านที่มีศีลมีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเราและขัดขวางการปฏิบัติธรรมในภายหน้า

ดังนั้น หากใครทำความดี ก็ควรอนุโมทนายินดีด้วย แม้ต่างวัดต่างสำนัก หรือแบบปฏิบัติต่างกันก็ตาม ไม่มีใครผิดหรอก เพราะจุดมุ่งหมายต่างก็เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์เช่นกัน เพียงแต่เราจะทำให้ดี ดียิ่ง ดีที่สุด เท่านั้น ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง

อุเบกขาธรรม
การอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มากๆ โดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่า เขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด หลวงปู่ท่านบอกว่า ให้ ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคน 2 คน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับเราเป็นคนก่อ แล้วเขาเป็นคนจุดไฟ บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาพาตกเหว
หลวงปู่ได้ยกอุทาหรณ์ สอนต่อว่า
เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึก มีผู้จะมาช่วย คนที่หนึ่งมีเมตตาจะมาช่วย เอาเชือกดึงขึ้นจากเหว ดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหวเหมือนกัน คนที่สองมีกรุณามาช่วยดึงอีก ก็ตกลงเหวอีก คนที่สามมีมุทิตามาช่วยดึงอีกก็พลาดตกเหวอีก เช่นกันคนที่สี่สุดท้ายเป็นผู้มีอุเบกขาธรรม เห็นว่าเหวนี้ลึกเกินกว่ากำลังของตนที่ จะช่วย ก็มิได้ทำประการใดทั้งๆ ที่จิตใจก็มีเมตตาธรรมที่จะช่วยเหลืออยู่

คนสุดท้ายนี้จึงรอดชีวิตจากการตกเหวตาม เพราะ อุเบกขาธรรมนี้แล

เป็นอย่างไรครับ การวิเคราะห์พิจารณาธรรม ของหลวงปู่ ชัดเจนลึกซึ้ง ทั้งนี้หลวงปู่ต้องการเสริมสร้างสติปัญญา ในการใช้พรหมวิหาร 4 ให้แก่ลูกหลาน จะได้ไม่พลาด มีเจตนาดี แต่กลับต้องได้รับทุกข์โทษไปด้วย

ถ้าหากเรายังมีสติสัมปชัญญะ ไม่รวดเร็วทันกับเหตุการณ์ แต่เราได้สร้างสติปัญญา จากหลวงปู่ดู่ เอาไว้ล่วงหน้า ในอนาคต หรือเวลาหนึ่งเวลาใด มีเหตุการณ์มาปรากฏตรงหน้า ในขณะนั้น เราจะบริหารจัดการช่วยเหลือ ผู้ที่กำลังได้รับทุกข์ได้ถูกวิธี

เกี่ยวกับการช่วยเหลือคนบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ บนถนนหนทาง ในประเทศอิรัก กฏหมายของประเทศนี้จะห้ามมิให้ผู้ประสบเหตุที่มิใช่เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการช่วยเหลือโดยเด็ดขาด สิ่งที่จะทำได้คือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงโดยเร็วที่สุด ให้ส่งเจ้าหน้าที่จำเพาะรู้วิธีช่วยเหลือผู้ป่วย มิให้ต้องได้รับการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น หากได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่ไม่ได้รับการอบรมมฝึกฝนมาก่อน

และกฏหมายแบบในอิรัก ก็ยังใช้บังคับ กับในหลายๆประเทศ เมื่อชาวไทยเดินทางไปประเทศไหน ก็ลองศึกษากฏหมายของรัฐฯนั้นๆเอาไว้ด้วยก็ดี อาจแตกต่างจากประเทศของเราโดยสิ้นเชิง

เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html Bookmark and Share

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พระแก้วประจำองค์พระพุทธเจ้า

Bookmark and Share
พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะมีพระแก้วประจำองค์
และมีได้ตั้งแต่ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่และจะปรากฎชัดขึ้น ตามความเข้มข้นของบารมีที่สร้าง ยุคพระศรีก็จะมีพระแก้วแดงทำจากทับทิมแดง
(คล้ายพระพุทธรูปในภาพเหตุที่ใช้ว่า "คล้าย" เพราะองค์จริงงดงามกว่ามาก)

ส่วนพระแก้วขององค์ปฐมนั้นจะเป็นองค์สีขาว

ยกตัวอย่างพระแก้วคู่บารมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้
  1. พระกกุสันธพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์ หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา

    พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร

    บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน
    พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ (160 กิโลเมตร)
    พระแก้วประจำองค์ พระแก้วขาว หน้าตักกว้าง 20 วา
  2. พระโกนาคมพุทธเจ้า
    หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป
    ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์


    เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 30,000 พรรษา

    พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร

    บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน
    พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์
    พระแก้วประจำองค์ พระแก้วเหลือง หน้าตักกว้าง 15 วา
  3. พระกัสสปพุทธเจ้า
    หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป
    ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์

    เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 20,000 พรรษา

    พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร
    บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน
    พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์
    พระแก้วประจำองค์ พระแก้วน้ำเงิน หน้าตักกว้าง 10 วา
  4. พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า
    หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 4 องไขยแสนกัป
    ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีก 24 พระองค์ ซึ่งน้อยมาก

    เป็นปัญญาพุทธเจ้า อายุไขย 80 พรรษา

    พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร
    บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี
    พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ
    พระแก้วประจำองค์ พระแก้วเขียว(เขียวมรกต) หน้าตักกว้าง 5 วา
  5. พระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า
    หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า
    เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป
    ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 477,029 พระองค์

    เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา

    พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร
    บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน
    พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้
    พระแก้วประจำองค์ พระแก้วแดง และทรงเครื่องบรมหาจักรพรรดิ
    หน้าตักกว้าง 20 วา


    พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีพระแก้วประจำองค์
    และมีได้ตั้งแต่ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่และจะปรากฎชัดขึ้น
    ตามความเข้มข้นของบารมีที่สร้าง
    ยุคพระศรีก็จะมีพระแก้วแดงทำจากทับทิมแดง
    ปัจจุบันนี้ประดิษฐานเตรียมไว้แล้ว ณ ภูมิทิพย์
    ซึ่งซ้อนอยู่กับ สถานที่แห่งหนึง
    และพระแก้วแดงจะปรากฎออกมา เมื่อถึงยุคพระศรี
    พระแก้วคู่บารมีของพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันก็คือพระแก้วมรกต
    ส่วนพระแก้วคู่บารมีของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
    เป็นพุทธนิมิตอยู่ที่พระนิพพานคู่วิมานพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์


    วันหนึ่งหลวงปู่ดู่ได้เล่าถึงการปฏิบัติครั้งคุมสมาธิศิษย์
    ยกใจความมาตอนหนึงว่า

    วัน หนึ่งหลวงพ่อได้เล่าถึงการปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้า มีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่ พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธ มีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์"

(ชนชาวไทยส่วนหนึ่ง ที่ทราบว่าได้พบได้รู้จัก ได้เข้าใจ การบำเพ็ญบารมี ในพระโพธิสัตว์ ของหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และเข้าใจวิธีการเดินทางลัด โดยวิธีต่างๆหลายแง่มุม ที่นำมาสรุปให้เข้าใจง่ายโดยหลวงตาม้านั้น ก็จะยิ่งสะดวก ต่อการทำความเข้าใจ และเข้าถึงหลวงปู่ดู่ ได้สะดวกยิ่งขึ้น และนำมาลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทุกเรื่อง การจะเอาดี ตนต้องเป็นที่พึ่งตนเอง ให้ได้ก่อน

หลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ ท่านจึงจะช่วยส่งเสริมเพิ่มพลังงานด้านบวก ให้แก่เราได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่ลาแล้วจากพุทธภูมิ ก็จะพบทางลัดทางสว่าง นำมาปฏิบัติ ให้ มรรค ของตนไปสู่ความสมบูรณ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น และยิ่งโลกและสุริยะจักรวาล กำลังมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบในทางพิบัติภัยเกิดขึ้นทั่วโลก ก็จะยิ่งเป็นโอกาสดี ของผู้ที่ตัดสินใจ แล้วว่า การเกิดมาเป็นมนุษย์ในคราวนี้ น่าจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสดีเลิศของเรา ทำภารกิจที่ยังค้างอยู่นานแล้ว ให้จบสิ้นเสียที หลุดพ้นไปจากวัฏจักรเดิมๆซ้ำซาก)

back up data: (เป๊ก)
ศิษย์วัดถ้ำเมืองนะ
เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html Bookmark and Share

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กำเนิดแผ่นดินเขมรมุ่งสู่อนาคต

ปฐมกาลกรุงกัมพูชา

พระพุทธทำนาย เรื่อง ปฐมกาลกรุงกัมพูชา

http://ainews1.com/article493.html

Bookmark and Share

แผนที่โบราณสมัยต้นพุทธกาล

ตั้งแต่ในสมัยต้นพุทธกาล ที่ลุ่มภาคกลางของประเทศสยาม และดินแดนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสยาม พื้นที่ส่วนใหญย่ยังเป็นท้องทะเล พื้นที่ดังกล่าวทั้ง 2 โซน ยังเป็นส่วนปากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำโขง ก่อนไหลลงสู่ทะเล แม่น้ำทั้งสองสาย ได้นำพาตะกอนดิน ลงมาทับถมที่บริเวณปากแม่น้ำมากขึ้นทุกฤดูฝน นานเข้าก็พอกพูนขึ้นเป็นแผ่นดินเกิดใหม่ และผืนดินในที่ราบลุ่ม ทั้ง 2 แห่งนี้จะมีน้ำหลากมาท่วมในฤดูฝนเสมอมา ส่วนโครงสร้างของดินจะจับตัวกันอย่างหลวมๆ หากมีแรงสั่นสะเทือนมากเข้าจะเหลวเป็นพลาสติก และจมลงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวดินเองเอาไว้ได้

ตัวอย่างที่เห็นคือถนนในที่ราบลุ่มทุกสาย ที่ไม่มีฐานรากรองรับน้ำหนักเป็นพิเศษ จะค่อยๆทรุดตัวลงตลอดเวลา ในความเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ที่ใกล้จะปรับสมดุลและเปลี่ยนแกนพลังงานของโลกครั้งใหญ่ในอีกไม่นานนั้น แผ่นดินในที่ราบลุ่มที่กล่าวแล้วอาจปรับตัวจมลงเป็นท้องทะเลเช่นในอดีตกาลอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เปลือกโลกทั้งยุบตัวและยกตัวสูงขึ้น แต่ในพื้นที่ทั้ง 2 โซนที่กล่าวแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นท้องทะเลดังในภาพท้องทะเลในอนาคตนั่นเอง เหล่านี้คือความไม่แน่นอนเป็นสัจจธรรมของโลก ส่วนผู้ที่เชื่อในพลังงานของกรรม หากไปพิจารณาแผนที่โลกใหม่ของ นายกอร์ดอน สแกนเลี่ยน จะพบว่าหลายๆพื้นที่แผ่นดินเดิมกลายเป็นท้องทะเล หากสืบสาวประวัติศาสตร์ให้ลึกลงไป ประเทศเหล่านี้ก็สร้างกรรมไม่ดีไว้มากมายทีเดียว แผ่นดินจึงไม่สามารถรองรับน้ำหนักผู้คนเหล่านั้นเอาไว้ได้ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรแอตแลนตีส เมื่อ 1 หมื่นกว่าปีมาแล้วนั่นเอง

พระพุทธทำนายนี้ ได้ย่อมาจากหนังสือ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ซึ่งนักองค์นพรัตน์ทรงรวบรวมใน พ.ศ.2420 และแปลจากภาษาเขมร โดยนายพันตรี หลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์)
ตีพิมพ์ออกเผยแพร่ครั้งแรกใน พ.ศ.2460 ในงานศพพระตำรวจตรี พระยากำแหงรณฤทธิ์
มีใจความโดยย่อดังต่อไปนี้


ท้องทะเลในอนาคตล่วงแต่ พ.ศ. 2556 ไปแล้ว

เมื่อกาลครั้งหนึ่ง ปางที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระชนมายุจวนครบ 80 พรรษา ซึ่งเป็นเวลาใกล้ที่พระองค์จะเสด็จสู่ปรินิพพาน จึงได้เสด็จพระราชดำเนินกระทำทักษิณาวรรตเกาะชมพูทวีป (อินเดียโบราณ) เลียบตามฝั่งมหาสาครกับพระมหาอานนทเถร

ต้นหมันจะสูงใหญ่ถึง 25 ม.

จนกระทั่งได้เสด็จมาถึงเกาะใหญ่เกาะหนึ่ง ที่กลางเกาะนั้นมีต้นหมัน (ต้นทะโลก) ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งใหญ่โต ประกอบด้วยกิ่งก้านสาขา มีโพรงในลำต้นซึ่งเป็นโพรงของพระยานาคราชและบริวาร ส่วนบนต้นหมันนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตะกวดตัวหนึ่ง
ครั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จถึงต้นหมันนี้ ก็ทรงนำพระมหาอานนทเถรเข้าไปประทับใต้ร่มไม้ ครั้นใกล้ค่ำ พระรุกขเทวาผู้ซึ่งอภิบาลต้นหมัน ก็เนรมิตที่พระบรรทมพร้อมทั้งพระวิสูตรถวาย

ครั้งตกกลางคืน พระยานาคราชก็นำบริวารออกมาเที่ยวเล่นตามปกติ เมื่อพบกับสมเด็จพระศาสดาจารย์ จึงเข้าไปน้อมเศียรนมัสการ ขอประทานพระธรรมเทศนา

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาประทานแก่ฝูงนาคีนาคา อีกทั้งบรรดาเทพเทวดาทั้งหลายซึ่งเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ จนกระทั่งบางองค์ที่มีบารมีแก้กล้าก็ได้สำเร็จมรรคผล

ครั้นแล้วสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงพักผ่อนพระวรกายจนกระทั่งใกล้รุ่ง จึงเสด็จขึ้นไปทรงบิณฑบาตถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงเสด็จกลับคืนมาสู่สำนักเดิม พระพุทธองค์ทรงพระกรุณาแบ่งส่วนอาหารบิณฑบาตนั้น ประทานให้พระมหาอานนทเถรฉันด้วย ระหว่างที่ฉันอยู่นั้น สัตว์ตะกวดได้กลิ่นอาหารทิพย์ซึ่งมีรถโอชา จึงอยากบริโภคบ้างเหลือที่จะกลั้นอยู่ได้ จึงคลานเข้าไปหาพระพุทธองค์เพื่อทูลขอ สมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระกรุณาปั้นพระกระยาหารปั้นหนึ่งแล้วทรงโยนไปประทานสัตว์ตะกวดนั้น

ดูกรอานนท์เอ๋ย ต่อไปภายหน้าเกาะโคกหมันนี้ แผ่นดินจะงอกขึ้นอีกกว้างใหญ่แล้วจะเกิดเป็นนครหนึ่ง ซึ่งสัตว์ตะกวดผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาตัวนี้ได้มากราบถวายบังคมแด่องค์พระ ตถาคต แล้วได้สดับตรับฟังพระธรรมเทศนา ต่อไปเมื่อสัตว์ตะกวดสิ้นชีพแล้วจะไปบังเกิดบนสวรรค์ แล้วจะได้จุติมาเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งครองกรุงอินทปรัตนนคร

บรรดามนุษย์ชาติในพระราชธานีนี้ จะพูดจาสิ่งใดๆ ไม่ค่อยยั่งยืนอยู่ในสัตยานุสัตย์ โดยกษัตริย์ผู้ตั้งต้นแผ่นดินมีชาติกำเนิดจากสัตว์ตะกวด อันมีลิ้นแฝดแตกแยกออกเป็น 2 ซีก

โดย ปราชญ์ ร.ศ.

back up data: snook.com

พระพุทธทำนาย ตำนานบรรพบุรุษกรุงกัมพูชา กล่าวโดยสังเขปแต่เพียงเท่านี้
ดูกรรัฐบาลและประชาชนชาวไทย จงจำความไว้ดีๆ เทอญ

เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html Bookmark and Share