วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กำเนิดแผ่นดินเขมรมุ่งสู่อนาคต

ปฐมกาลกรุงกัมพูชา

พระพุทธทำนาย เรื่อง ปฐมกาลกรุงกัมพูชา

http://ainews1.com/article493.html

Bookmark and Share

แผนที่โบราณสมัยต้นพุทธกาล

ตั้งแต่ในสมัยต้นพุทธกาล ที่ลุ่มภาคกลางของประเทศสยาม และดินแดนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสยาม พื้นที่ส่วนใหญย่ยังเป็นท้องทะเล พื้นที่ดังกล่าวทั้ง 2 โซน ยังเป็นส่วนปากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำโขง ก่อนไหลลงสู่ทะเล แม่น้ำทั้งสองสาย ได้นำพาตะกอนดิน ลงมาทับถมที่บริเวณปากแม่น้ำมากขึ้นทุกฤดูฝน นานเข้าก็พอกพูนขึ้นเป็นแผ่นดินเกิดใหม่ และผืนดินในที่ราบลุ่ม ทั้ง 2 แห่งนี้จะมีน้ำหลากมาท่วมในฤดูฝนเสมอมา ส่วนโครงสร้างของดินจะจับตัวกันอย่างหลวมๆ หากมีแรงสั่นสะเทือนมากเข้าจะเหลวเป็นพลาสติก และจมลงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวดินเองเอาไว้ได้

ตัวอย่างที่เห็นคือถนนในที่ราบลุ่มทุกสาย ที่ไม่มีฐานรากรองรับน้ำหนักเป็นพิเศษ จะค่อยๆทรุดตัวลงตลอดเวลา ในความเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ที่ใกล้จะปรับสมดุลและเปลี่ยนแกนพลังงานของโลกครั้งใหญ่ในอีกไม่นานนั้น แผ่นดินในที่ราบลุ่มที่กล่าวแล้วอาจปรับตัวจมลงเป็นท้องทะเลเช่นในอดีตกาลอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เปลือกโลกทั้งยุบตัวและยกตัวสูงขึ้น แต่ในพื้นที่ทั้ง 2 โซนที่กล่าวแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นท้องทะเลดังในภาพท้องทะเลในอนาคตนั่นเอง เหล่านี้คือความไม่แน่นอนเป็นสัจจธรรมของโลก ส่วนผู้ที่เชื่อในพลังงานของกรรม หากไปพิจารณาแผนที่โลกใหม่ของ นายกอร์ดอน สแกนเลี่ยน จะพบว่าหลายๆพื้นที่แผ่นดินเดิมกลายเป็นท้องทะเล หากสืบสาวประวัติศาสตร์ให้ลึกลงไป ประเทศเหล่านี้ก็สร้างกรรมไม่ดีไว้มากมายทีเดียว แผ่นดินจึงไม่สามารถรองรับน้ำหนักผู้คนเหล่านั้นเอาไว้ได้ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรแอตแลนตีส เมื่อ 1 หมื่นกว่าปีมาแล้วนั่นเอง

พระพุทธทำนายนี้ ได้ย่อมาจากหนังสือ ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ซึ่งนักองค์นพรัตน์ทรงรวบรวมใน พ.ศ.2420 และแปลจากภาษาเขมร โดยนายพันตรี หลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์)
ตีพิมพ์ออกเผยแพร่ครั้งแรกใน พ.ศ.2460 ในงานศพพระตำรวจตรี พระยากำแหงรณฤทธิ์
มีใจความโดยย่อดังต่อไปนี้


ท้องทะเลในอนาคตล่วงแต่ พ.ศ. 2556 ไปแล้ว

เมื่อกาลครั้งหนึ่ง ปางที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระชนมายุจวนครบ 80 พรรษา ซึ่งเป็นเวลาใกล้ที่พระองค์จะเสด็จสู่ปรินิพพาน จึงได้เสด็จพระราชดำเนินกระทำทักษิณาวรรตเกาะชมพูทวีป (อินเดียโบราณ) เลียบตามฝั่งมหาสาครกับพระมหาอานนทเถร

ต้นหมันจะสูงใหญ่ถึง 25 ม.

จนกระทั่งได้เสด็จมาถึงเกาะใหญ่เกาะหนึ่ง ที่กลางเกาะนั้นมีต้นหมัน (ต้นทะโลก) ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งใหญ่โต ประกอบด้วยกิ่งก้านสาขา มีโพรงในลำต้นซึ่งเป็นโพรงของพระยานาคราชและบริวาร ส่วนบนต้นหมันนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตะกวดตัวหนึ่ง
ครั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จถึงต้นหมันนี้ ก็ทรงนำพระมหาอานนทเถรเข้าไปประทับใต้ร่มไม้ ครั้นใกล้ค่ำ พระรุกขเทวาผู้ซึ่งอภิบาลต้นหมัน ก็เนรมิตที่พระบรรทมพร้อมทั้งพระวิสูตรถวาย

ครั้งตกกลางคืน พระยานาคราชก็นำบริวารออกมาเที่ยวเล่นตามปกติ เมื่อพบกับสมเด็จพระศาสดาจารย์ จึงเข้าไปน้อมเศียรนมัสการ ขอประทานพระธรรมเทศนา

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาประทานแก่ฝูงนาคีนาคา อีกทั้งบรรดาเทพเทวดาทั้งหลายซึ่งเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ จนกระทั่งบางองค์ที่มีบารมีแก้กล้าก็ได้สำเร็จมรรคผล

ครั้นแล้วสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงพักผ่อนพระวรกายจนกระทั่งใกล้รุ่ง จึงเสด็จขึ้นไปทรงบิณฑบาตถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงเสด็จกลับคืนมาสู่สำนักเดิม พระพุทธองค์ทรงพระกรุณาแบ่งส่วนอาหารบิณฑบาตนั้น ประทานให้พระมหาอานนทเถรฉันด้วย ระหว่างที่ฉันอยู่นั้น สัตว์ตะกวดได้กลิ่นอาหารทิพย์ซึ่งมีรถโอชา จึงอยากบริโภคบ้างเหลือที่จะกลั้นอยู่ได้ จึงคลานเข้าไปหาพระพุทธองค์เพื่อทูลขอ สมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระกรุณาปั้นพระกระยาหารปั้นหนึ่งแล้วทรงโยนไปประทานสัตว์ตะกวดนั้น

ดูกรอานนท์เอ๋ย ต่อไปภายหน้าเกาะโคกหมันนี้ แผ่นดินจะงอกขึ้นอีกกว้างใหญ่แล้วจะเกิดเป็นนครหนึ่ง ซึ่งสัตว์ตะกวดผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาตัวนี้ได้มากราบถวายบังคมแด่องค์พระ ตถาคต แล้วได้สดับตรับฟังพระธรรมเทศนา ต่อไปเมื่อสัตว์ตะกวดสิ้นชีพแล้วจะไปบังเกิดบนสวรรค์ แล้วจะได้จุติมาเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งครองกรุงอินทปรัตนนคร

บรรดามนุษย์ชาติในพระราชธานีนี้ จะพูดจาสิ่งใดๆ ไม่ค่อยยั่งยืนอยู่ในสัตยานุสัตย์ โดยกษัตริย์ผู้ตั้งต้นแผ่นดินมีชาติกำเนิดจากสัตว์ตะกวด อันมีลิ้นแฝดแตกแยกออกเป็น 2 ซีก

โดย ปราชญ์ ร.ศ.

back up data: snook.com

พระพุทธทำนาย ตำนานบรรพบุรุษกรุงกัมพูชา กล่าวโดยสังเขปแต่เพียงเท่านี้
ดูกรรัฐบาลและประชาชนชาวไทย จงจำความไว้ดีๆ เทอญ

เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html Bookmark and Share

1 ความคิดเห็น:

  1. เรามักได้ยินคนสมัยก่อนๆ เปรียบเปรยคยพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย ปลิ้นปล้อน ว่า เจ้าคนลิ้นสองแฉก

    ในสมัยเด็กๆได้ยินบ่อยแต่ก็ไม่รู้ที่มาว่า มาจากตัววรนุส นี่เอง มันมีลิ้นสองแฉก และยังเป็นต้นตระกูล ของกษัตริย์ในกัมพูชาอีกด้วย
    ผู้ที่คบหาสมาคมด้วยรู้อย่างนี้แล้ว ก็ระวังป้องกันตนเองให้ดีก็แล้วกัน
    และปัจจุบันกำลังวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ต้องการฮุบแผ่นดินไทย ที่สวยงามมีคุณค่าอีกด้วย

    ตอบลบ