หลวงตาม้ากล่าวถึงกุศโลบายการนอน ที่เกิดประโยชน์กว่าที่คิด http://ainews1.com/article488.html
พลังงานบุญ หลวงตามม้าอธิบายให้ฟังถึงพลังงาน ที่เราหากฉลาดในการกำหนด จะมีพลังงานหลายประเภท ที่มาเสริมกันให้แก่จิตของเรา ทั้งด้านไตรสรณาคม กำลังพระจักรพรรดิ กำลังพรหมวิหารสี่ ผู้ที่รักและศรัทธาหลวงปู่ หลวงตา ฟังให้เข้าใจ แล้วนำไปใช้ตอนก่อนจะนอนทุกๆวัน พิสูจน์สิ่งที่หลวงตานำมาแจกแจงให้ลูกหลานได้รับประโยชน์ ในการบันทึกพลังงานบุญ ในจิตของเราเพิ่มขึ้นทุกๆวันมากมายมหาศาล หรือว่าเราต้องการขอให้หลวงปู่พาไปชมอะไรที่ไหน ที่เราติดใจต้องการจะไป ก็บอกหรือขอกับหลวงปู่ก่อนที่เราจะนอนหลับก็ได้ หรือขอหลวงปู่ในทุกๆเรื่อง เนื่องจากรูปหลวงปู่มีชีวิต ตามที่หลวงตาได้เล่าให้ฟัง เมื่อจิตเรานิ่งมีความเหมาะสมก็จะสามารถคุยกับภาพหลวงปู่ได้เสมือนหลวงปู่มีชีวิตอยู่ใกล้ๆกับเรานั่นเอง ครอบวิมาน นอกจากนี้ในคำแนะนำของหลวงตาในเรื่องครอบวิมานให้ผู้ป่วย...ในรายละเอียดศึกษาได้ที่ /article312_jk1.html เดินทางลัดในชีวิตที่เหลือ เมื่อได้ลองปฏิบัติดูแล้ว ได้รับประสพการณ์ดีๆ สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราก็จะเจริญงาม ออกไปในอีกหลายๆมิติทั้งภารกิจทางโลกปัจจุบัน และทางจิตสู่ความเป็นหนึ่งหรือเอกคตา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าที่ปรึกษาอะไรเลย เพียงแต่ให้จิตของเราตั้งอยู่ในบุญกุศล อยู่ในสายตา และความปรารถนาดีของหลวงปู่ หรืออยู่บน 'ทาง' ของเราก็แล้วกัน ใครจะมุ่งทำมรรคให้สมบูรณ์ถึงสภาวะนิพพานก่อนหลวงปู่ หลวงปู่ก็ยินดีด้วยไม่ว่าอะไร โมทนาด้วยกับทุกๆคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตสุดท้าย ปรับใช้สติปัญญา (ที่เหนือชั้นยิ่งกว่าสิ่งที่เกิดจากเซลล์สมองของมนุษย์) เมื่อพิจารณาตามที่หลวงตาม้าอธิบายอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับหลวงปู่แล้ว ทำให้มีความดำริขึ้นว่า เมื่อเรายังต้องใช้สมองคิด ในเรื่องต่างๆบนโลกนี้ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพเท่าใดนัก ผิดบ้างถูกบ้าง บางคราวเสียทั้งเงินและเวลาและโอกาส ปัญญาโลกๆที่ได้จากการเรียนรู้วิชาต่างๆ ยังไม่ได้ออกมาจากจิตเดิมแท้โดยตรง หรือได้คำตอบจาก ญาณทัสสนะ หรือการหยั่งรู้ ทางลัดของชีวิตที่สุดประเสริฐ ถ้าหากมนุษย์เราส่วนใหญ่ ที่จิตยังไม่ถึงระดับการหยั่งรู้ เราก็พึ่งพาขอพลังสติปัญญาจากดวงจิตของหลวงปู่ จุดประกายต่อเชื่อมเข้าสู่จิตของเรา ออนไลน์กับหลวงปู่ตลอดเวลา โดยเราขอคำแนะนำในเรื่องต่างๆจากหลวงปู่ในแต่ละเรื่องโลกและธรรมที่เราต้องการ จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตของเรา ครอบครัว หมู่ชน หรือประเทศชาติ หรือมนุษยชาติ และต่อจิตวิญญาณทั้ง 3 โลกก็ตาม หลวงปู่มีอยู่พร้อมมูล พร้อมช่วยเหลือให้เราได้เดินทางลัดทางตรงของธรรมชาติ ด้วยเหตุปัจจัยที่ดีงาม ยิ่งโดยเฉพาะท่านผู้ใดที่ได้ฝากจิตฝากใจฝากชีวิตเอาไว้ ขอเป็นลูกของหลวงปู่ด้วยแล้ว ท่านผู้นั้นก็จะมีพ่อ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ผู้ประเสริฐคอยดูแลช่วยเหลือ ให้เดินถูกทางอยู่ตลอดเวลาไปตลอดชีวิต ผู้ใดนึกถึงหลวงปู่ หลวงปู่จะคิดถึงไปกลับเป็น 10 รอบ ส่วนใครที่ไม่นึกถึงหลวงปู่หลวงปู่ก็คิดถึงเขาแผ่เมตตาไปให้ หากเรายังไม่ได้ขอร้องหลวงปู่ หลวงปู่ก็จะรอ เนื่องจากตัวเรายังไม่มีดำริ หรือยังไม่ถึงจังหวะโอกาส หรือยังไม่รู้วิธีนั่นเอง วันนี้ หากทุกคนได้ฟังหลวงตาให้เข้าใจ และเข้าถึงแล้ว ชีวิตทีเหลือของเราก็จะมีแต่ความสว่างไสวไปตลอดทีเดียว พร้อมๆกับตั้งจิตของเราให้อยู่ในสภาวะจิตเดิม ได้เกือบตลอดเวลา สำหรับผู้ที่ถึงทางของตนแล้ว โดยใช้ หมวดหนึ่งหมวดใดของมหาสติปัฏฐาน ให้จิตสะสมพลังงานคลื่นความถี่สูงจนบรรลุถึง 'ทาง' แห่งตนแล้ว ไม่ต้องไปใช้ความคิดฟุ้งซ่านอันใด เมื่อมีเหตุปัจจัยสิ่งใดเกิดขึ้น ก็สามารถนำมาปรารภถามหาคำตอบจากหลวงปู่ จิตของเราก็จะมีเวลาสะสมพลังงานคลื่นความถี่สูง อยู่บน 'ทาง' ของเราได้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องไปเสียเวลาใช้ชีวิตทางโลกเกินความจำเป็น ที่สะสมสมบัติโลกเอาไว้เท่าใด ตายไปต้องก็ทิ้งไว้บนโลกนั่นเอง ก็มันเป็นสมบัติของโลกเขา หาใช่ของใครคนใดคนหนึ่งไม่ เราไปอุปทานยึดเอาเองว่ามันเป็นของเรา เมื่อมีความสมบูรณ์บนทางของตนได้ระดับหนึ่ง ก็จะพึ่งพาจิตเดิมของตนเองได้ เริ่มพึ่งตนเองได้ เมื่อจิดเดิมเริ่มได้เห็นภาพคำตอบต่างๆด้วยตนเองแล้ว หากจะนำมาหารือกับหลวงปู่ เป็นการตรวจสอบทานคำตอบนั้นๆก็ไม่เสียหายอันใด โอกาสดีของชีวิต หลายๆท่านคงจะได้รับโอกาส และแสงสว่างในชีวิต ที่ยังเหลืออยู่ในอายุขัย นำไปส่งเสริมประยุกต์ใช้ทั้งงานทางโลก และงานพัฒนาจิต ให้อยู่บนทางของตน จากคำแนะนำหลวงตาม้า ผู้ชำนาญทางและอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่มาก่อน ชี้แจง ให้เราเกิดปัญญา ได้รับโอกาสดี ยังเหลือแต่ให้เราพิจารณานำไปใช้ ในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งกลางวันและกลางคืน ก่อนที่จะหลับนอน ให้ธาตุขันธ์พักผ่อนนอนหลับ แต่ให้จิตทำภารกิจของจิตอยู่กับหลวงปู่ตลอดเวลาต่อไป
ตัวอย่างบุคคลต้นแบบ หลวงปู่สีวลี ใช้เวลาช่วงที่ปลงผมก่อนบวช พอบวชเสร็จหลวงปู่ก็ไปสุดทาง หลวงปู่ใหญมหาโมคคัลลานะใช้เวลาเดินทาง 7 วัน หลวงปู่สาลีบุตรใช้เวลา 14 วัน ส่วนหลวงปู่เมฆอดีตเจ้าอาวาสวัดป่าขวางใช้เวลา 22 วัน ที่ใต้ถุนกุฎิของอดีตสมเด็จพระสังฆราช วัดราชประดิษฐ์สีมาราม....ส่วนแต่ละคน ที่กลับขึ้นมาบน 'ทาง' ของตนได้แล้ว จะใช้เวลาเดินทางอีกเท่าไร จึงจะได้มรรคที่สมบูรณ์ ก็ไม่ต้องเป็นกังวล ให้ตั้งหน้าเดินต่อไปจนบรรลุผล จะก่อนหรือระหว่างที่โลกกำลังเกิดพิบัติภัยก็ได้ตามอัธยาศัย เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html | ||
วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
การนอนให้ได้รับประโยชน์ทั้งกายและจิต
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เหตุเกิดที่ซีดนี่ย์
ความล้มเหลวของระบบธนาคารอีเล็คโทรนิกส์
http://ainews1.com/article489.html
มนุษย์ปัจจุบันกำลังได้ประสบตัวอย่างเล็กๆในระบบบัญชีธนาคารล้มเหลว โดยไม่ต้องรอ การเกิด CME ครั้งใหญ่ตอน พ.ค. 2556 ดังรายงานข่าวต่อไปนี้
Bank computer meltdown empties Australian pockets
"You don't have to be in international finance to know that when the bank is taking money from your account it vanishes at the speed of light, but if someone is seeking to put money into your account it can.
ผู้ที่มีรายการเข้าออกของเงินในบัญชีตลอดเวลาคงต้องขยันไปอัฟเดท ในสมุดธนาคาร จะได้มีเอกสารส่วนตัวใช้อ้างอิงกับทางธนาคาร เมื่อใดที่ปรากฏว่าระบบบ/ช ล้มเหลว เช่นเดียวกับที่ปรากฏในซีดนี่ย์ขึ้นแล้ว
เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพของตนเอง ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html
ที่มา : ผจก.
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ต่อยอด อบต.เศรษฐกิจพอเพียง
ต่อยอด อบต.เศรษฐกิจพอเพียง
นำพลังงานธรรมชาติเข้มข้นให้พืชสะสมไว้ใช้ได้แรมเดือน
http://ainews1.com/article464.html
สำหรับเว็บเพจนี้ จะเน้นด้านการต่อยอดเกษตรอินทรีย์ และการสร้างรายได้ในทุกฤดูกาล ทั้งในหน้าแล้ง ฝนทิ้งช่วง และในหน้าหนาว ภาย ในหมู่บ้าน และหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียง หากมาดูภาพรวมพื้นที่สีเหลืองในแผนที่ข้างล่าง ที่ใช้ทำการเกษตรได้นั้น ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้พื้นที่อีก 80 %ต้องทิ้งร้างในหน้าแล้ง และในฤดูหนาว เสียเป็นส่วนใหญ่
ประเทศ ไทยยังมีพื้นที่ในเขตชลประทานไม่มากนัก และแม้แต่ในพื้นที่ชลประทานเอง ปริมาณน้ำก็ไม่เพียงพอแจกจ่ายให้แก่ประชาชน เนื่องจากน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่างๆ ไม่ได้มีน้ำอยู่เต็มอ่างทุกปี เกษตรกรส่วนใหญ่ในประเทศไทย จึงสูญเสียโอกาสสร้างรายได้ตลอดปี ไปอย่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง เนื่องจากผลผลิตทางเกษตรหน้าแล้ง และในช่วงฤดูหนาว หายากและมีราคาแพง หากเกษตรกรไทย มีสินค้าจำหน่ายในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ผู้ผลิตจะเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าได้เอง
ก่อนลงในรายละเอียด ลองมาดูปัญหาต่างๆ ที่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง และการทำพืชผลอินทรีย์กันก่อน ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับเกษตรกร :
- คุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ และหรือน้ำหมักชีวะภาพ
- การปรับปรุงดิน
- ปัญหาของเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศขาดน้ำในฤดูแล้ง
- ปัญหาด้านการตลาด
ประการแรก การ ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทั่วประเทศ เราต้องพึ่งพาวัตถุดิบในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเศษพืช และมูลสัตว์ที่ได้จากวัตถุดิบที่มาจากดินเสื่อมโทรมไม่เหมือนสมัยโบราณ เมื่อทำการหมักให้ย่อยสลายสมบูรณ์แล้ว ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้ มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง หรืออาหารเสริมของพืชไม่เพียงพอ จึงทำให้ปริมาณของผลิตผลต่างๆออกมาไม่เต็มประสิทธิภาพของพืชแต่ละอย่าง
หากพืชได้รับธาตุอาหารต่างๆอย่างครบถ้วนจาก เอ็นฟังก์ชั่น เกษตรกรจะได้ผลิตผลจากพืชชนิดนั้นอย่างเต็มร้อย ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณตามธรรมชาติของพืชนั้นๆ รสชาติจะดี ไม่เน่าเสียง่าย ผิวสวย สีสรรสดเข้มงดงาม เห็นแล้วน่ารับประทาน สะดวกแก่การขนส่งถึงมือผู้บริโภคในภาวะที่สดใหม่น่ารับประทาน และเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานกว่า
เป็นผลิตผลอินทรีย์ที่สมบูรณ์ทั้งขนาดและปริมาณ สีสรรสวยงาม และเก็บเกี่ยวได้หลายรอบเช่น ไร่พริก เก็บได้ 7-8 รอบ/การปลูกครั้งเดียว ได้กำไรดีมาก เริ่มตั้งแต่ต้องนั่งเก็บ ยืนเก็บ สุดมือเอื้อม ที่ผลิตภัณฑ์ เอ็นฟังก์ชั่น ดูแลให้และไม่มีอันตรายใดต่อผู้บริโภค และต่อผู้ผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เก็บแตงกวาสดๆจากไร่ รับประทานเดี๋ยวนั้นได้เลย
การใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากเกินไป หากเกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งดี ในผลผลิตของพืชจะมีสารไนไตรท์ตกค้างอยู่มากเกินมาตรฐาน ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารก่อมะเร็ง สำหรับเกษตรกรใน ระบบเอ็นฟังก์ชั่น มีปุ๋ยที่เป็นหัวเชื้อสกัดเข้มข้นพิเศษ ช่วยเสริมสร้างอาหารหลักและอาหารรองหรืออาหารเสริมให้กับพืชอย่างต่อเนื่องและครบครัน |
ภาระหน้าที่ของเอ็นฟังก์ชั่น ช่วยให้พืชเจริญเติบโตรวดเร็วต่อเนื่อง ระหว่างการสังเคราะห์แสงแดด ในช่วงระยะเวลาต่างๆ พืชสามารถดึงเอาแร่ธาตุสารอาหารต่างๆที่พืชดูดซับพลังงานต่างๆจาก เอ็นฟังก์ชั่น ผ่านเนื้อเยื่อพืชทุกส่วนนำออกมาใช้ปรุงอาหารกับแสงแดด ในทุกระยะออกมาได้ตามที่พืชต้องการตลอดเวลา หลังจากดูดซึมสารอาหารทั้งหมดที่ฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น ไปแล้ว 45 นาที
พืช เอ็นฟังก์ชั่น เจริญงอกงาม ทั้งในระยะตั้งต้น และก่อนพืชจะผลิ ดอก ออกผล หลังจากทำการฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น แล้ว พืชสามารถดูดซับเก็บพลังงานจากปุ๋ย เอ็นฟังก์ชั่น เอาไว้ภายในทุกส่วนของพืช ได้ประมาณ1 เดือน ใน 1 ชุดของ เอ็นฟังก์ชั่น ยังมีตัวช่วยสำคัญต่างๆอีก 4 รายการแถมมาในกล่อง เพื่อการปรับสมดุล และเร่งการเจริญเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ให้แก่พืชทุกชนิด ในทุกฤดูกาล
เสมือนต้นพืชกำลังเติบโตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อม ที่มีความสมบูรณ์เกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นนั่นเอง เนื่อง จากภาวะแวดล้อมปัจจุบัน มีความผันแปรของอุณหภูมิอากาศค่อนข้างสูง สร้างความชงักงันต่อการเจริญเติบโตของพืช ในชุดของเอ็นฟังก์ชั่นมีสารตัวช่วยปรับสมดุลให้แก่พืชได้ตลอดเวลา
และในชุด เอ็นฟังก์ชั่น ยังมีสารอีกชนิดสำหรับปรับเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่พืช เพื่อให้พืชแข็งแรงทนต่อโรคต่างๆ และแมลงที่มารบกวน ส่วนการเสริมสีเขียวให้แก่ใบพืช ให้มีโคโรฟีลมากยิ่งขึ้น สำหรับใช้สังเคราะห์แสงแดดได้อย่างเต็มที่ เอ็นฟังก์ชั่น มี กรีนฟาสท์ ทำภารกิจนี้ให้แก่พืชทุกชนิด นอกจากนั้นในระบบ เอ็นฟังก์ชั่น ยังมี แอ๊คติ้ง หรือนางเอก
เป็นสาร ฮอร์โมนในการเร่งการเจริญเติบโตให้แก่พืช เริ่มตั้งแต่การเพาะเมล็ดเป็นต้นไป ช่วยเร่งการงอก และการเดินรากได้รวดเร็ว ช่วยให้รากยาวเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว เพื่อช่วยการหาอาหารให้พืช ให้สัมพันธ์กับการใช้สารอาหารสำรองจากเมล็ดพันธุ์หมดไปภายในสัปดาห์แรก ให้ต่อเนื่องในสัปดาห์ต่อๆไป
แอ๊คติ้ง เป็นสารช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช หรือใช้ฟื้นฟูต้นข้าวหลังจากถูกเพลี้ยไฟโจมตี ช่วยให้ใบพืชเจริญเติบโตขึ้นใหม่ได้รวดเร็ว หรือใช้ฟื้นฟูทำสาวพืชล้มลุกเช่นพริก ถั่วฝักยาว ให้ผลิดอก ออกผล ใหม่อีกรอบ ไม่ต้องเสียเวลามาเริ่มปลูกใหม่ ซึ่งเจ๊แจ๊ว ในไร่พริก เอ็นฟังก์ชั่น เก็บพริก เกิน 7 รอบ คุ้มแสนคุ้มกับการลงทุนใช้ เอ็นฟังก์ชั่น เพียงเล็กน้อย ช่วยทำไร่พริกมหัศจรรย์ ช่วยเจ๊แจ๊วหยิบเงินล้านด้วยการปลูกพริกไม่กี่ไร่ เพียงฤดูกาลเดียว ทึ่งมาก
แอ๊คติ้ง ช่วยดึงธาตุไนโตรเจนจากอากาศลงสู่รากขนอ่อนของพืช ช่วยเร่งให้การแตกกอเพิ่มขึ้นในพืชประเภทข้าวนาๆพันธุ์ นาข้าวที่เป็นนาดำ หรือนาโยน หรือข้าวไร่ ท่ามกลางสวนยางพารา ข้าว เอ็นฟังก์ชั่น จะแตกกอได้กอละ 35-50 ต้น จึงดำระยะห่างกว่าทั่วไป เพื่อ เว้นระยะช่องว่างให้ข้าวได้แตกกออย่างเต็มที่ รับแสงแดดที่เพียงพอได้ทั้งกอ ส่วนการทำข้าวไร่ก็จะประหยัดการใช้เมล็ดพันธุ์ลงซึ่งมีราคาแพง
และ แอ๊คติ้ง ยังช่วยป้องกันเชื้อราไปพร้อมกัน ทั้งหมดนี้ จะมีอยู่ในชุดของ เอ็นฟังก์ชั่น ที่ใช้ง่ายเมื่อผสมน้ำตามต้องการแล้วฉีดพ่นได้เลย ทั้งที่ต้น กิ่ง ใบ หรือเพียงบางส่วนที่บริเวณโคนลำต้นของต้นยางพารา หรือต้นไม้ที่มีทรงพุ่มสูงไม่สะดวกในการฉีดพ่นทั้งต้น ได้รับการฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น เฉพาะ บางส่วนของต้นไม้ ก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน เช่นฉีดพ่นโดยรอบต้นมะม่วงที่ต้นขนาดใหญ่ ส่วนประเภทปาล์มก็ฉีดพ่นเข้าสู่ คาคบที่ยอดได้เลย การดูดซึมทำได้ทั่วทุกส่วนผ่านเนื้อเยื่อพืชลงมาสู่ราก
ส่วนปาล์มตัวผู้ ไม่ต้องกำจัดทิ้ง เอ็นฟังก์ชั่น เปลี่ยนให้กลับมาออกผลได้เป็นปรกติเมื่อได้รับ เอ็นฟังก์ชั่นไป 3 ครั้งเท่านั้น ชาวสวนปาล์ม เอ็นฟังก์ชั่น ที่ชุมพร แฮบปี้มากๆ ไม่ต้องทำลาบยปาล์มตัวผู้ที่ปลูกมาแล้ว 5 ปี กลับมาให้จั่นออกผลในทุกๆกาบ เก็บเกี่ยวผลได้ต่อเนื่องทั้งปี
ส่วนสวนยางที่หมดหน้ายางจะตัดต่อไปแล้ว ทำการตัดแต่งเปลือกใหม่และฟื้นฟูด้วย เอ็นฟังก์ชั่น ให้เปลือกฟูนิ่ม กลับมาตัดได้น้ำยางมากกว่าเดิม หากต้นยางของเกษตรกรแก่แล้ว ยังไม่ต้องตัดโค่นออกไป มาทำสาวใหม่ด้วย เอ็นฟังก์ชั่น ต่ออายุการให้น้ำยางออกไปอีกนับ 10 ปี สิ่งที่เล่าให้ฟังเป็นผลที่เกษตรกร เอ็นฟังก์ชั่น ใช้ได้ผลแล้ว รายงานกลับมาและนักธุรกิจ เอ็นฟังก์ชั่น ไปเยี่ยมเยียน มี วีดีโอ เอ็นฟังก์ชั่น ในยูทูปให้เลือกชมมากทีเดียว
ส่วนที่ตกลง สู่พื้นดิน ถูกดูดซึมเข้าสู่ราก แทบไม่เกิดการสูญเสียปุ๋ยที่ใช้ และพืชจะใช้สร้างแป้ง เพื่อการเจริญเติบโต ระหว่างสังเคราะห์แสงแดด หลังจากฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น ไปแล้วประมาณ 45 นาที เป็นการลัดวงจรการให้ปุ๋ยแก่พืชเร็วขึ้นอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ชาวสวนกล้วยไม้ เอ็นฟังก์ ชั่น ที่ราชบุรี ใช้ เอ็นฟังก์ชั่น 1 กล่อง (1 ชุด) ผสมน้ำ 4,000 ลิตร ฉีดพ่นฟาร์มกล้วยไม้ 10 ไร่ ทุกๆเดือน (ข่าวประเภทนี้ คนจำหน่ายไม่ค่อยอยากได้ยิน!)
ในชุดของ เอ็นฟังก์ชั่น ยังมีสารสำคัญอีกตัว ช่วยพืชให้ปรุงอาหารหรือสังเคราะห์แสงแดดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสมือนมีครัว ที่มีประสิทธิภาพสูงระดมปรุงอาหารจานด่วนให้แก่พืช ทุกเวลาที่แดดออก นั่นคือสาร กรีน ฟาสท์ สร้างสีเขียวใบพืช แทนการใช้ปุ๋ยยูเรีย และไม่มีสารไนไตรท์ตกค้างเหมือนกับปุ๋ยยูเรีย ไนไตรท์เป็นสารก่อมะเร็ง ยูเรียก่อให้เกิดสารเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้น (แต่กรีนฟาสท์ใช้ผลิตระเบิดไม่ได้) ซึ่ง กรีนฟาสท์ ให้คุณประโยชน์แก่พืช และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ไม่เกิดอันตรายใดๆกับผู้ใช้ แม้จะใช้มือเปล่าๆคนในถังผสมปุ๋ยก็ตาม และยังชิมรสได้อีกด้วย เอ็นฟังก์ชั่นไม่ ต้องใช้บ่อย ในนาข้าวทั่วไปจะใช้ฉีดพ่นเพียง 2 ครั้งก็รอเก็บเกี่ยวได้แล้ว ไร่ข้าวโพดใช้เพียงครั้งเดียว แล้วรอเก็บเกี่ยว ในไร่ผักต่างๆก็เช่นเดียวกัน ใช้เพียงครั้งเดียว แต่ในปริมาณที่เบาบางลง ประหยัดปุ๋ยเพิ่มขึ้น ส่วนนาข้าวได้ข้าวเปลือกความชื้นต่ำอยู่ในเกณฑ์ 17-19 % ซึ่งไม่มีปุ๋ยชนิดใดทำเกณฑ์ความชื้นตรงนี้ได้
ต้องกระโดดไป ที่ 25-29 %ก็มีมาก ถูกโรงสีข้าวกดราคารับซื้อข้าวเปลือก ได้เห็นแล้วน่าสงสาร ที่ได้ข้าวปริมาณมาก ลงทุนใช้ปุ๋ยต่างๆมาอย่างดี หมดเงินทุนไปมิใช่น้อย แต่ขายได้เงินน้อย ต้องมาตายตอนจบ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วใส่รถบรรทุกมาถึงโรงสีข้าว ตรวจสอบความชื้นแล้วเกินเกณฑ์ไปมาก ตอนที่กำลังเก็บเกี่ยวก็แสนดีใจ ข้าวของเราน้ำหนักดีจัง เสียค่าบรรทุกเพิ่มมากขึ้นอีก ข้าว เอ็นฟังก์ชั่น เนื้อแน่นหนัก เมล็ดข้าวสุกเสมอกันทั้งแปลง
ขายข้าว เปลือกได้ราคาสูงเกือบเต็มเพดานราคา ที่ตั้งความชื้นต่ำเกินความจริงเพียง 15 %เท่านั้น มันเป็นการช่วยพ่อค้ารับซื้อกันชัดๆ ให้ใช้เป็นข้ออ้างฟันราคารับซื้อจากชาวนา ที่พูดไม่ออก เมื่อข้าวไปถึงโรงสีข้าวแล้ว ถึงได้ทราบ
การเจริญเติบโตของข้าว หรือพืชชนิดอื่นๆที่ปลูกเป็นแปลงๆ จะเจริญสม่ำเสมอกันทั้งแปลง ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว ได้พร้อมๆกันทั้งแปลง แปลงผักจะไม่ปรากฏเว้าๆแหว่งๆในแปลงของ เอ็นฟังก์ชั่น ซึ่งเกษตรกรจะมีปัญหาตรงนี้ค่อนข้างมาก ยากในการบริหารให้พืชทั้งแปลงเติบโตได้เท่าๆกันทั้งแปลง แต่ เอ็นฟังก์ชั่น ให้ตรงนี้ได้อย่างดี ดังนั้นการเกี่ยวข้าวพลับพลึง ตามหลักการเกี่ยวข้าวพลับพลึงของกรมการ ข้าว ให้ได้ข้าวเปลือกคุณภาพดีที่สุด หลังจากแห้งน้ำในนาแล้ว 10 วันก่อนการเก็บเกี่ยวโดยเก็บเกี่ยวหลังจากข้าวออกดอกบานแล้ว 28-30 วัน (นาเอ็นฟังก์ชั่นข้าวจะมีดอกบานพร้อมกัน 3 วาระ)
ใน นาเอ็นฟังก์ชั่น เกษตรกรสะดวกมาก แทบไม่ต้องกังวลใดๆเลย และงวงเมล็ดข้าวจะเหนียวเป็นพิเศษ ลดการหล่นร่วงสูญเสียระหว่างเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ในรวงข้าวยังมีเมล็ดลีบน้อยมาก น้อยกว่า 5 %ที่ปลายรวงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2 % แล้วยังมีเนื้อในเมล็ดข้าวแน่นแข็งต้องใช้ฟันขบจึงจะแตก เนื้อใส รสชาติดีหุงสุกแล้วทานอร่อย
เมื่อ 13 ปีก่อน เอ็นฟังก์ชั่น ทำ งานโดดเดี่ยวเพียงลำพังขวดเดียวเข้มข้น ไม่มีผู้ช่วยร่วมกันทั้ง 4 ชนิดในภารกิจเฉพาะอย่าง เช่นในปัจจุบัน ที่ได้รับการปรับปรุงสูตรเพิ่มเติมสู่ความสมบูรณ์ในงานเกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรผสมผสานที่เกษตรกรบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี เอ็นฟังก์ชั่นให้ผลิตผลเต็มประสิทธิภาพของพืชแต่ละชนิด โดยเฉพาะใน อบต. ที่ทำเกษตรอินทรีย์เน้นการบำรุงดินดีอยู่แล้ว...พร้อมอย่างยิ่งในการ นำ เอ็นฟังก์ชั่น มาช่วยต่อยอด ให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ ขึ้นในไร่ ในสวนของพี่น้องชาวเกษตรอินทรีย์โดยทั่วกัน
เอ็นฟังก์ชั่น จะช่วยต่อยอด ให้การทำพืชผักอินทรีย์ของเกษตรกรทั่วประเทศ มีความสุข ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค มีสุขภาพดีห่างไกลจากโรค ทำให้ทุกอย่างราบรื่น และสะดวก ประหยัด ลดต้นทุนการผลิต แก่การทำงาน ที่พอดี ไม่มีการเฝือใบ เช่น เดียวกับการใช้ปุ๋ยยูเรีย ซึ่งจะเป็นการสร้างรีสอร์ตอย่างดีให้กับแมลง ใช้หลบแดดและยังทำให้พืชอวบน้ำ เป็นอาหารเลิศรสสำหรับแมลง
ซึ่ง นาข้าวเอ็นฟังก์ชั่น ใบข้าวตั้งตรง ได้สัดส่วนกับความสูงของลำต้น ต้นข้าวไม่ล้มเมื่อข้าวสุกเต็มรวง เนรมิตทุ่งรวงทองที่สวยงามไม่มีที่หลบแดดให้แก่แมลง และต้นข้าวและใบยังมีคายที่แข็งคม บาดปากแมลงอีกด้วย ต้นก็แข็ง |
จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของแมลง ที่จะเลือกมาวางไข่ แมลงจึงเลือกไปที่แปลงใกล้เคียงรอบๆนา เอ็นฟังก์ชั่นแทนที่ จากประสพการณ์จริงที่เกิดขึ้นในนารอบๆแปลง นาเอ็นฟังก์ชั่น ในแปลงนาเอ็นฟังก์ชั่น ให้น้ำใส ไม่ร้อน อุดมด้วยออกซิเจน และไม่มีตระใคร่น้ำ จึงเป็นที่อยู่อาศัยของปลาได้เช่นในอดีต ที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เป็นจริงขึ้นได้อีกวาระหนึ่ง
รอบๆโคนต้นข้าวจึงไม่มีคราบสีดำสกปรก อย่างนาปุ๋ยเคมี ดังนั้น เอ็นฟังก์ชั่น จะมาช่วยต่อยอดงานเกษตรอินทรีย์ ให้แก่เกษตรกรเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่มีสารพิษใดๆตกค้าง ที่องค์การอาหารโลกให้การรับรอง และต้องการ เอ็นฟังก์ชั่น ไปเผยแพร่ให้แก่ประเทศสมาชิกทั่วโลกใช้ผลิตอาหารอินทรีย์ ซึ่งทางองค์การอาหารโลกสนับสนุน และกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
ฟังแล้วไม่ มีใครจะแน่ใจได้ ยังไม่ต้องเชื่อตามที่กล่าวมา ลองทดลองซื้อใช้เพียงกล่อง สองกล่องเท่านั้น แล้วจดบันทึกทุกรายการเปรียบเทียบกับแปลงที่ไม่ได้ใช้ หรือการเกษตรแบบเดิมที่ทำอยู่ ความจริงทุกประการที่ท่านได้รับจากเอ็นฟังก์ชั่น จะตอบคำถามด้วยตัวของมันเอง หรือทำความสงสัยต่างๆให้หมดสิ้นไป ก่อนการตัดสินใจทำเกษตรอินทรีย์ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับ เอ็นฟังก์ชั่น ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง และมีความสุขทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน
ใช้ เอ็นฟังก์ชั่น หนึ่งขวด ได้แถมอีก 4 ขวดฟรีๆ ซึ่งแต่ละขวดล้วนมีหน้าที่ต่อพืชที่แตกต่างกัน อยู่พร้อมสรรพ ให้ผลคุ้มค่าราคา เสมือนได้เปล่า หลังจากที่ท่านเก็บเกี่ยว และขายผลิตผลได้เงินเพิ่มอีกก้อนโต 1+4 ช่วยกันทำงานเป็นทีม ให้แก่พืชของ ครอบครัว เอ็นฟังก์ชั่น แม้คิดจะใช้ก็เริ่มรวยแล้ว...
ประการที่ 2 การปรับปรุงดิน เกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์มาแล้วระยะหนึ่ง จะทำการปรับปรุงดูแลดิน ให้มีคุณภาพดีขึ้นมาแล้วขั้นหนึ่ง เอ็นฟังก์ ชั่น ยังช่วยปรับปรุงดิน ให้มีสภาพกรดด่างพอเหมาะแก่ปลูกพืช และช่วยให้ดินร่วนซุย อุดมด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชและใส้เดือนดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และยังใช้ได้ดีแม้ในดินลูกรัง แม้ผักชีก็ยังเจริญงอกงามในดินลูกรังไม่แพ้ที่ปลูกในดินดีของภาคกลาง
ดังนั้นแปลงเกษตรที่ผ่านการใช้ เอ็นฟังก์ชั่น ไปแล้วระยะหนึ่ง ดินจะยิ่งมีคุณภาพเหมาะสมแก่การปลูกพืชมากยิ่งขึ้น และช่วยเก็บสะสมธาตุอาหารพืช ในตอซัง และเศษพืชต่างๆได้มากขึ้น ปุ๋ยพืชสดที่ไถกลบจึงมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ฤดูกาลต่อไปใช้ เอ็นฟังก์ชั่น ลดลง รวมทั้งแร่ธาตุอาหารในดินที่พืชใช้ไม่หมด ก็จะถูกนำมาใช้ได้อย่างดี (ซึ่งเกษตรกรจะสังเกตอาการของการเจริญเติบโตของพืช ไม่ให้เฝือใบเกินไป ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น ครั้งแรกที่ระยะ 25 วันก็ได้สำหรับนาข้าว)
ส่วนใน แปลงเกษตรเคมีเดิม เอ็นฟังก์ชั่น จะช่วย ให้พืชนำปุ๋ยเคมี ที่ตกค้างในดินจำนวนมากที่พืชใช้ไม่ได้ ให้กลับมาเป็นประโยชน์แก่พืชได้อย่างดี ดังนั้น ในแปลงเคมีจึงต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี ที่จะได้พืชอินทรีย์อย่างแท้จริง แม้จะใช้ เอ็นฟังก์ชั่น ที่เป็นอินทรีย์ล้วนๆแล้วก็ตาม
(ต้องการไปทัวร์ตามไร่นา ทั่วประเทศกับ เอ็นฟังก์ชั่น วีดีโอ ได้ที่ ลิงค์นี้ หรือ artavan2)
ประการที่ 3 ปัญหาขาดแคลนน้ำ ในหน้าแล้ง หรือเกิดฝนทิ้งช่วง จนต้นข้าวตาย ในนา เอ็นฟังก์ชั่น ต้นข้าวทรงตัวอยู่ได้นานกว่าปรกติ แต่ไม่โต ขณะที่แปลงอื่นๆตายไป เมื่อได้น้ำฝน ข้าวในนาเอ็นฟังก์ชั่น จะเร่งการเติบโตอย่างรวดเร็วที่รอคอยจังหวะฝนมา ผลิ ดอก ออกผลได้อย่างรวดเร็ว แต่ได้ผลไม่เต็มร้อย อาจแค่พอเสมอทุน หรือมีกำไรบ้าง ไม่ต้องเริ่มงานเตรียมแปลงแล้วปลูกใหม่ ซึ่งเสียทั้งเวลา และสิ้นเปลืองเงินทุนรอบใหม่ เอ็นฟังก์ชั่น จึงช่วยลดความเสี่ยงให้แก่เกษตรกรบนนาน้ำฝน
แต่ที่กำลังจะพูดถึงการแก้ปัญหาโลกแตก ใน ภาวะการขาดน้ำบนที่ดินเกษตรกรรมจำนวนมหาศาลทั่วประเทศ ปัจจุบันมีเกษตกรแนวหน้าที่โชคดีประมาณ 50 กลุ่มในปี พ.ศ. 2553 ได้มีอุปกรณ์เรียกฝนพิเศษใช้ ประดิษฐ์ขึ้นโดยพระอาจารย์รัตน์ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง สิ่งประดิษฐ์เพียงหนึ่งเดียวของโลก เริ่มทดลองเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนกระทั่งใช้ได้ผลดี และบริจาคให้ใช้ฟรีแก่เกษตรกรหลายกลุ่ม แก้ปัญหาภัยแล้ง มีรัศมีทำการ 19 กม.ต่อเครื่อง
เกษตรกรที่ สนใจต้องรวมตัวกัน ในรัศมี 19 กม. แล้วสั่งทำเครื่องมือดังกล่าวล่วงหน้า โดยทางวัดไม่ได้ทำการค้า ทำให้ในราคาทุน ล็อตแรกมีญาติโยมออกเงินทำบริจาคช่วยเกษตรกรฟรี มีต้นทุนการผลิตประมาณเครื่องละ 1 หมื่นบาท ท่านอาจารย์ได้เริ่มใช้มาแล้ว 4 ปี ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมือง และผู้ปกครองบ้านเมืองแต่อย่างใด ตรงกันข้ามรัฐบาลฟิลิบปินส์ มาขอยืมทั้งเครื่องและคนไทยไปใช้ฟรี ในประเทศของเขา 1 เครื่อง
และเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลในประเทศตะวันออกกลางได้นิมนตร์พระอาจารย์เดินทางไปสาธิต เครื่องเรียกฝน และต่อไปจะเลยไปประเทศต่างๆในทวีปอาฟริกา เพื่อช่วยเหลือประเทศเหล่านั้นที่ประสบความแห้งแล้งกันดาร ให้มีน้ำกินน้ำใช้ ในการทำเกษตรกรรม โดยใช้เครื่องเรียกฝนของพระอาจารย์ ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติที่จะประสบ ภัยแล้งมากยิ่งขึ้น ปีนี้เกิดน้ำท่วมรุนแรงฉับไวมากกว่า 30 จังหวัดสร้างความเสียหายมากมาย แก่พืชผล ที่รออีก 2-3 สัปดาห์ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ต้องมาสูญเสียไปกับเหตุการณ์น้ำท่วมต่อหน้าต่อตา
และในปีหน้า 2554 ปรากฏการณ์ เอลนีโย่ และลานีญ่า จะยิ่งเกิดการแห้งแล้งยาวนานยิ่งขึ้นกว่าเก่า ต่อเนื่องหัวปีท้ายปี ไปอีกหลายปี และก็จะเกิดน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆในประเทศไทยมากขึ้น อาจถึง 57 จังหวัด รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเก่า...ตามที่โลกร้อนขึ้น
ทั้ง มีลมพายุหมุนรุนแรง และฝนตกหนักแถมมาด้วย ในเดือน ต.ค.-พ.ย ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ต้องวางแผนแก้ปัญหาล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เอาชนะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง แล้วยังต้องวางแผนให้เก็บเกี่ยวพืชผลให้เสร็จสิ้นก่อนที่น้ำจะท่วม อีกหลายๆจังหวัดในรอบใหม่อีกด้วย....ระยะ 5-6 ปีข้างหน้านี้ เห็นทีมีแต่รถยนตร์ใช้เพียงอย่างเดียวคงไม่พอแล้ว จะต้องมีเรือหางสั้นเอาไว้อะไหล่ด้วยจะได้ไม่ต้องลุยน้ำท่วม ถ้าไม่ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ | |
เมื่อกลุ่ม เกษตรกร ศึกษารายละเอียด สอบถามและไปเยี่ยมชมกลุ่มเกษตรกรก้าวหน้าในพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้ใช้เครื่องมือเรียกฝนมาก่อน และเตรียมตัวจัดหาอุปกรณ์เครื่องเรียกฝน ให้พร้อมใช้งานแล้ว จะช่วยเพิ่มความชื้นให้แก่ผืนแผ่นดินที่ทำการเกษตรได้อย่างพอเพียง ซึ่งพืชทุกชนิดต้องการความชื้นในดินเพียง 20 % เท่านั้น ไม่ต้องให้มากเกินไปจนน้ำไหลหน้าดิน สิ้นเปลืองไฟฟ้าเกินความจำเป็น เกษตรกรที่ใช้เครื่องมือเรียกฝน ใช้น้ำจากฟ้าราคาถูกได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องขุดสระ
หรือติดตั้งอุปกรณ์การให้น้ำพืชแต่อย่างใด นับว่าสะดวกง่ายดายมาก และโอกาสเช่นนี้ยังจะ ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์และโอกาสที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน บนผืนแผ่นดินไทย และของโลกให้แก่กลุ่มเกษตรกรอย่างดียิ่ง ในการทำเกษตรผสมผสาน ในหน้าแล้งและหน้าหนาว มีตัวเลือกปลูกพืชพันธุ์ที่มีมูลค่าสูงต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ด้วยคุณภาพสูงได้ทั่วประเทศ
นำที่ดินที่ถูกทิ้งร้างในหน้าแล้ง และในฤดูหนาวนำมาสร้างผลผลิต ที่ตลาดขาดแคลน และมีความต้องการสูง ในหน้าแล้ง และในฤดูหนาว ที่กลุ่มอื่นๆไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ เช่นชาวสวนหน่อไม้ฝรั่ง สามารถผลิตหน่อไม้ฝรั่งส่งออกประเทศญี่ปุ่นในฤดูหนาว ด้วยตัวช่วยจาก เอ็นฟังก์ชั่น ได้เป็นปรกติ
เกษตรกร สามารถปลูกถั่วฝักยาว ขายได้ราคาดี ในฤดูหนาว เป็นต้น และยังฝักยาวอวบกรอบหวานน่ารับประทาน เก็บขายได้มากกว่า 2 รอบ ส่วนที่จังหวัดเพชรบุรี ชาวสวนมะนาว เอ็นฟังก์ชั่น ปลูกมะนาวขายในช่วงเดือน เม.ย. ลูกละ 10-15 บาท แทนการทำมะนาวออกมาตามฤดูกาลลูกละ 25 สตางค์ เป็นต้น...สร้างรายได้จากมะนาว ต้นละ 5,000-10,000 บาท..แล้วท่านคิดว่าจะปลูกเอาไว้รอบๆบ้านซักกี่ต้นดี...ขอทำรายได้ปีละครั้ง ก็พอ
เมื่อพี่น้องเกษตรกรมีทั้ง น้ำจากฟ้าราคาถูก และตัวช่วยจาก เอ็นฟังก์ ชั่น เป็นพระเอก และมีผู้ช่วยชื่อ แอ๊คติ้ง เป็นนางเอก ช่วยงานเกษตรอินทรีย์โดยไม่เกี่ยงฤดูกาล เกษตรกรก็มีอิสระภาพเต็มที่ สามารถเลือกผลิตพืชเศรษฐกิจ ได้ถูกจังหวะเวลามากมายหลายชนิด แล้วแต่ละท้องถิ่นจะต้องการผลิตผลชนิดใด และผลิตได้รวดเร็วด้วยการช่วยร่นระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้ด้วย ทำให้ประหยัดค่าบำรุงรักษาลง และมีรายได้ไวขึ้นเกษตรกรก็จะมีรายได้อย่างพอเพียงเกิดขึ้นตลอดทั้งปี การแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำซากมาเกือบตลอดชีวิต จะได้คลี่คลายลง
|
พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ กำลังแวะมาดูการประกอบเครื่องมือเรียกฝน
ส่วนรายละเอียดของเครื่องเรียกฝน แวะศึกษารายละเอียดที่ http://ainews1.com/article337.html ส่วนเอ็นฟังก์ชั่น ที่ http://www.ainews1.com/article12.html
ซึ่งอินเทอร์เน็ตใน อบต.ต่างๆ จะช่วยพี่น้องเกษตรกร ในเขตของตนเองได้อย่างดี และร่วมมือกันศึกษาหารายละเอียด ให้เป็นที่พอใจ เกิดความมั่นใจ ในสิ่งต่างๆที่กล่าวแล้วที่จะนำมาช่วยแก้ปัญหาการผลิตภาคเกษตรกรรมในรูปแบบ ใหม่ ต่อยอดเศรษฐกิจพอเพียง ในภาคเกษตรอินทรีย์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ประการที่ 4 เรื่องการตลาด นานมากแล้ว ที่เกษตรกรส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสในการกำหนดราคาสินค้าของตนเอง เป็นการเสียเปรียบอย่างยิ่ง เท่าที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการ ท่านคงมองเห็นชัดเจนแล้วว่า เราจะไม่ตกเป็นผู้เสียเปรียบอีกต่อไป โดยเกษตรกรผู้ผลิต จะเป็นผู้กำหนดราคาขายสินค้าของตนเอง และมีมาตรฐานการผลิต ตราเอ็นฟังก์ชั่น เป็นของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพามาตรฐานสินค้าของที่อื่นใดให้ยุ่งยาก ใครก็ทำได้ และผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด ว่าคุณภาพของสินค้า เอ็นฟังก์ชั่น รับประทานอร่อย และเป็นผลดีแก่สุขภาพของเขาอย่างไร จึงระบุแต่สินค้า ในครอบครัวเอ็นฟังก์ชั่น ก่อนสินค้าอื่น
และต่อไปผู้ผลิตสามารถพัฒนาการตลาดใน ประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ จัดส่งสินค้าพืชผักผลไม้ ถึงผู้บริโภคในเมืองใหญ่ เป็นรายสัปดาห์ได้โดยตรงเป็นกลุ่มๆเป็นสายให้พอเหมาะกับรถ ที่ใช้ขนส่งสินค้าให้เกิดความประหยัดแก่ทุกฝ่าย ไม่ต้องผ่านคนกลาง ดีทั้งผู้บริโภค และผู้ผลิต และในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ พืชผักผลไม้ในตู้เย็นของลูกค้าประจำ ยังอยู่ในสภาพสดใหม่ ไม่เสียหายแต่อย่างใด
ส่วนที่มีมากกว่าการบริโภคภายในประเทศ ก็ทำการส่งเสริมแปรรูปเพิ่มมูลค่าส่งออกสู่ตลาดอาหารอินทรีย์นาๆชาติ ที่ต้องการบริโภคสินค้าในมาตรฐานธรรมชาติจากประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่แม้แต่ชาวดาวอังคารก็ได้ให้การแนะนำส่งเสริม เอาไว้อย่างมั่นคงนานแล้ว ว่าการแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตผลการเกษตรของไทย จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างงดงาม ตลอดทั้งปี
ไม่ต้องเดินตามระบบทุนนิยม และสั่งซื้อสินค้าภาคเกษตรกรรม จากเมืองนอกเข้ามาอีกต่อไป และยังจะช่วยประหยัดเงินตราค่ารักษาพยาบาลสุขภาพ ให้แก่ประชาชนไทยในประเทศชาติของเราอีกจำนวนมหาศาล ไม่รวมถึงการสั่งสินค้าเคมีภัณฑ์จากต่างประเทศ ปีละหลายแสนล้านบาทในภาคเกษตรกรรม ที่ไม่ต้องเสียไป และสินค้าเหล่านั้นยังเข้ามาทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมโหฬารอีกด้วย ทั้งบนดิน ใต้ดิน และในอากาศ
ต่อไปเป็นรายการแถมท้าย ที่สำคัญต่อทุกเพศวัย คือเรื่องรักษาสุขภาพจากชาวดาวโพเพทัส ที่มีชื่อเสียงและไร้ตัวตน หรือหมอแกนกายสิทธิ์ทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถเป็นหมอรักษาตนเองได้ มี สุขภาพดี ทั้งกายและใจ และยังช่วยพัฒนาจิตใจให้กลับไปสู่สภาวะจิตเดิม ได้อีกด้วย ทำเป็นแล้ว สามารถช่วยได้ทั้งในครอบครัวตนเอง และผู้อื่นได้ทั่วโลก ผ่านโปร แกรมคลื่นจิตของเรา ไปถึงเป้าหมายปลายทาง ได้ทีละมากๆไม่เกี่ยงปริมาณ เป็นการให้เปล่าด้วยเมตตาจิต ผู้สนใจเตรียมการล่วงหน้า สำหรับการมีชีวิตในโลกยุคพลังงานใหม่ ของชาวศิวิไลให้แวะศึกษารายละเอียดและวิธีการได้ที่ /article345.html
เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ ได้มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ทีลิงค์ /article385.html
วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สรรพคุณข้าวไทยที่น่ารู้
สรรพคุณของการกินข้าวไทย
http://ainews1.com/article467.html
'ข้าวไทยธาตุเหล็กสูง' แก้วิกฤติโรคโลหิตจาง
ราย ละเอียด นักวิชาการ มก. จับมือนักโภชนาการ มหิดลพัฒนา 'ข้าวไทยธาตุเหล็กสูง' 2 พันธุ์ แก้ปัญหาคนไทยขาดธาตุเหล็กเกือบ 50% ทั่วประเทศ เผยผลทดสอบร่างกายดูดซับธาตุเหล็กจากข้าวพันธุ์พิเศษได้เกือบครึ่ง พร้อมแจกจ่ายให้เกษตรกรปลูกอีก 2 ปี หลังทดลองในแปลง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดงานสัมมนาเผยแพร่ผลงานวิจัยเรื่อง 'นวัตกรรมข้าวไทยธาตุเหล็กสูง' ณ โรงแรมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน วานนี้ (13 ก.ย.)
โดยมี ศ.ดร.อานนท์ บุญยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงานพร้อมกล่าวว่า เรื่องข้าวเป็นเรื่องสำคัญ ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องข้าว การวิจัยเรื่องข้าว จึงเป็นเรื่องที่ตรงกับความต้องการของประเทศ การวิจัยเรื่องนี้จะทำให้ข้าวมีมูลค่าเพิ่ม และมีผลต่อการส่งออกข้าวไทย ไปสู่ตลาดต่างประเทศในที่สุด พร้อมกันนี้ ศ.ดร.อานนท์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ขาดธาตุเหล็กจำนวนมากเกือบถึง 50% ของประชากรทั่วประเทศ
การพัฒนาข้าวธาตุเหล็กสูง จะ ช่วยแก้ปัญหาข้อนี้ได้ จึงเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง โดยไม่เฉพาะแต่กับ วช. หรือนักวิจัยที่พัฒนาผลงานออกมา แต่เป็นความภาคภูมิใจระดับประเทศและระดับโลก จากนั้น รศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | |
ผศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย และผศ.ดร.ศรีวัฒนา ทรงจิตสมบูรณ์ นักโภชนาการจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ 'เทคโนโลยีชีวภาพในการสร้างพันธุ์ข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าสูง'
โดย รศ.ดร.อภิชาติ นักวิจัยพันธุ์ข้าวเสริมธาตุเหล็ก เปิดเผยว่า ได้เริ่มทดลองผสมสายพันธุ์ข้าวมากว่า 10 ปีแล้ว จากนั้นเมื่อปี 2545 ได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จำนวน 12.5 ล้านบาท ศ.ดร.อภิชาติ ได้ร่วมกับนักโภชนาการ มหิดลวิจัยพันธุ์ข้าวธาตุเหล็กสูงสำเร็จ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ข้าวขาว 313 และพันธุ์ข้าวสีพันธุ์ 1000 โดยพัฒนาจากข้าวพันธุ์หอมนิล และข้าวพันธุ์ 105 ข้าวพันธุ์ใหม่ที่ได้นี้มีธาตุเหล็กสูงถึง 1.6-2.1 มิลลิกรัมต่อข้าว 100 กรัมตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งหากมีผลยืนยันคุณค่าทางโภชนาการตรงตามที่กำหนดไว้ ก็จะนำลงแปลงทดสอบเพาะปลูก และเมื่อพัฒนาจนแจกจ่ายให้เกษตรกรปลูกได้ เชื่อว่าน่าจะให้ผลผลิต 500 กก.ต่อไร่
'ข้าวที่ได้มี 2 สี คือสีขาวและสีม่วง มีกลิ่นหอมคล้ายข้าวหอมมะลิ มีเม็ดสวยงาม และมีคุณภาพการหุงดี นับเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างพันธุ์ข้าวสีขาวให้มีธาตุเหล็กสูง นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงข้าวสีม่วงขึ้นใหม่ให้มีปริมาณธาตุเหล็กสูง กว่าข้าวเจ้าหอมนิลเดิม ให้ผลผลิตดี สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ขนมเค้ก' รศ.ดร.อภิชาติ กล่าว
อย่างไรก็ดี รศ.ดร.อภิชาติ ชี้แจงว่า ยังต้องการวิจัยต่อในส่วนของเมล็ดข้าวน่ารับประทานขึ้น คือให้เมล็ดข้าวมีสีขาว เม็ดยาว และมีกลิ่นหอม แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ การขยายผลต่อในการแปรรูปและการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการประกันราคาข้าว เพื่อให้เกษตรกรปลูก โดยคาดว่าในอีก 2 ปี จึงจะเผยแพร่ต่อได้อย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ หลังจากพัฒนาพันธุ์ข้าวธาตุเหล็กสูงขึ้น ทางสถาบันวิจัยโภชนาการ มหิดล ก็นำไปศึกษาปริมาณการซึมซับธาตุเหล็กของข้าวสายพันธุ์ใหม่ โดยมีการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 17 คน พบว่าหลังจากรับประทานข้าวเสริมธาตุเหล็ก ปรากฏว่า ร่างกายสามารถดูดซับธาตุเหล็กได้ 6-20% สำหรับข้าวเสริมธาตุเหล็กแบบไม่ขัดสี และ 17-50% สำหรับข้าวขัดสี ทั้งนี้ จะต้องรับประทานกับ กับข้าวที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น แกงส้ม น้ำพริกมะขาม เป็นต้น
อย่างไรก็ดี พบว่าข้าวที่ไม่ขัดสีจะมีธาตุเหล็กสูงกว่า ในขณะที่ยังไม่ได้รับประทาน แต่เมื่อนำไปรับประทานจะมีสารขัดขวางการดูดซับธาตุเหล็กด้วย เช่น ไฟเตส และแทนนิน จึงเป็นสาเหตุให้ข้าวที่ขัดสี ให้ธาตุเหล็กที่สูงกว่า นอกจากนี้ ผศ.ดร.รัชนี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการพัฒนาตำรับอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางขึ้นด้วย
โดยเป็นการนำเอาข้าวธาตุเหล็กสูงมารับ ประทานกับแกงส้ม ซึ่งมีวิตามินซีมากและช่วยส่งเสริมการทำงานของธาตุเหล็กจากข้าวไปใช้ ประโยชน์ได้มากขึ้น ส่วนข้าวไทยธาตุเหล็กสูงนั้น สามารถนำไปประกอบได้ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และอาหารว่าง อาทิ อาหารคาวได้แก่ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวผัดกระเพรา ซูชิ อาหารหวานได้แก่ ขนมเค้ก และของขบเคี้ยว
ส่วนอาหารว่างจะได้แก่ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ ปัญหาโรคโลหิตจากการขาดธาตุเหล็กในประชากร กำลังเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศไทย อันจะมีผลต่อการพัฒนาทางร่างกายและสติปัญญา ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กจะเป็นผู้ที่มีสมาธิสั้น ร่างกายอ่อนแอ และมีภูมิต้านทานโรคต่ำ
ขณะ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส เกี่ยวกับข้าวว่าคนไทยต้องมีจิตสำนึกเรื่องข้าว และนำข้าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และทำอย่างไรจึงจะช่วยปกป้องข้าวไทยได้ เพราะสิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือ เรื่องจิตสำนึกของผู้บริโภคข้าวที่ลดลงไป เน้นการบริโภคเลียนแบบต่างชาติ ที่กินเร็ว กินด่วน หรือบริโภคข้าวก็เพียงเพื่อให้อิ่มเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงว่า ข้าว คือ จิตวิญญาณ ที่ผ่านกระบวนการผลิต มาจากการลงแรงของชาวนา กลิ่นของข้าวถือว่าหอมที่สุด และหอมแบบธรรมะ ตนเคยทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทรงโปรดอะไรมากที่สุด
พระองค์ตรัสว่า ข้าว เพราะมีกลิ่นหอม และตรัสด้วยว่า ถ้ารับประทานข้าวขอให้นึกถึงชาวนาด้วย เพราะถ้าไม่มีชาวนา เราก็ไม่มีข้าวกิน
ประธาน มูลนิธิข้าวไทยกล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ตำแหน่งดังกล่าวกำลังถูกสั่นคลอนจากประเทศคู่แข่งทุกขณะ ดังนั้น จึงต้องหาทางแปรรูปข้าว ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น นำไปแปรรูปเป็นครีมทาหน้า หรืออาหารเสริม เพราะใน เม็ดข้าวมีสารตัวหนึ่งชื่อว่า แกรมม่า ออริซานอล ที่ช่วยให้อารมณ์ดี เพราะฉะนั้นคนไทยทานข้าววันละ 3 มื้อ จึงหัวเราะได้ทั้งวัน แม้ว่าเศรษฐกิจการเมืองไม่ดีก็ตาม
ดร.สุเมธ กล่าวต่ออีกว่า มูลนิธิข้าวไทยในพระ บรมราชูปถัมภ์ จึงได้ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ วท.จัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทยเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 80 พรรษา โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนั้น จะมีการพัฒนานวัตกรรมข้าว อาทิ เครื่องสำอางจากข้าวไทย การผลิตข้าวเพื่ออุตสาหกรรมยาและอาหารเสริม ซึ่งจะช่วยต่อยอดข้าวไทยให้แข่งขันกับต่างชาติได้.
ยอดข้าวราชินี ให้ความเป็นหนุ่มสาวกระชุ่มกระชวย ประเทศทั่วโลกที่กินข้าวเจ้าเป็นอาหารหลักต่างรู้กันดี สุดยอดข้าวเจ้าเยี่ยมที่สุดในโลกคือ ข้าวหอมมะลิของไทย กลิ่นหอมนุ่มนวลรสชาติอร่อย และให้คุณค่าทางอาหารสูง แต่ไทยเราไม่พอใจอยู่แค่นั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีบทบาทอย่างสำคัญทำให้ข้าวไทยมีคุณค่าทางอาหารและรสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก
โปรดให้ทำการ ค้นคว้าจนได้ยอดข้าว 5 ชนิด เอามาปรุงแต่งแล้วผสมกันตามสัดส่วนที่กำหนด หุงกินได้เลยโดยไม่ต้องซาวข้าว เป็นสุดยอดข้าว ยอดอาหารที่กินแล้วช่วยให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาว ทั้งชะลอความชรา และเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ข้าวกล้องปรุงเบญจกระยาทิพย์ 'แรกผลิ 6'
องค์กร ที่มีบทบาทสำคัญในการ ผลิตยอดข้าวสมเด็จพระราชินีออกสู่ท้องตลาด ได้แก่ฟาร์มตัวอย่างมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บ้านยางน้อย หมู่ที่ 1, 2 กม.ที่ 32 ถนนแจ้งสนิท ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ 210 ไร่ ที่โน่นมีบทบาทอย่างเงียบน่ามหัศจรรย์มากมายหลายประการ ด้วยการค้นคว้าใช้ความรู้ก้าวหน้าที่ค้นพบใหม่มาใช้กับการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง ไม้ดอกไม้ประดับ พืชให้ผลและพืชสวน
การ ผลิตยอดข้าวมหัศจรรย์ที่ บริโภคแล้วทำให้ ร่างกายดูเป็นหนุ่มเป็นสาวกระชุ่มกระชวยเป็นหนึ่งในงานทั้งหมดเท่านั้น อยากเอ่ยถึง 2-3 โครงการ ที่น่าสนใจ ได้แก่ พัฒนาการเพาะเห็ดเศรษฐกิจและเห็ดป่า ผลิตพืชมีศักยภาพในระบบหมุนเวียน ปลูกพืชไร่เศรษฐกิจก่อนและหลังการทำนา ปลูกผักปลอดสารพิษราคาดีในตลาด อาทิ ถั่วฝักยาว ผักกวางตุ้ง ผักฮ่องเต้ การเพาะเลี้ยงหมูป่าและโครงการพัฒนาผลิตเส้นไหมไทยพื้นบ้าน ที่ทำครบวงจรตั้งแต่ปลูกต้นหม่อนเอง เลี้ยงไหมเอง สาวไหมเอง รวมตลอดไปถึงการฟอกย้อมจนถึงการทอและการขึ้นลายผ้าจนสำเร็จเป็นผืน
น่าสังเกตมาก ตรงการย้อมผ้าไหม ใช้สีจากพืชเอามาย้อมทั้งหมดแบบโบราณ ถ้าต้องการสีเขียวจะใช้สีทำจากต้นเพกา สีชมพูอมม่วงทำจากลูกหม่อน สีเหลืองทำจากเปลือกต้นก้านขี้เหล็ก และสีเขียวอ่อนทำจากต้นขนุน
เฉพาะ การผลิตยอดข้าวราชินี หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า 'ข้าวกล้องปรุงเบญจกระยาทิพย์ แรกผลิ 6' ทำกันอย่างพิถีพิถันมาก ต้องทำการคัดเลือกพันธุ์ข้าวชั้นยอดทั้ง 5 พันธุ์ จากหลายแหล่งหลายจังหวัด เริ่มด้วยเลือกข้าวขาวดอกมะลิ 105 และข้าวเหนียว กข.6 ของอุบลราชธานี ข้าวหอมกุหลาบที่ปลูกในฟาร์มของศูนย์ศิลปาชีพฯเอง เลือกข้าวหอมแดงจากสุรินทร์ และเลือกยอดข้าวกํ่าชาวเขาเผ่ามูเซอ ที่ปลูกในหุบเขาความสูงเหนือระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 900-1,000 เมตร ในพื้นที่ที่ปราศจากมลภาวะจากเชียงใหม่และเชียงราย
ด้วยเหตุผลข้าว ก่ำมูเซอเป็นข้าวที่มีเส้นใยสูง มีโปรตีนสูง มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีวิตามินและแร่ธาตุสูง จุดน่าพิศวงของยอดข้าวราชินี ที่ต้องเพาะเมล็ดข้าวจนงอกเสียก่อนแล้ว จึงนำมาปรุงแต่งเป็นข้าวเบญจกระยาทิพย์ ได้รับการอธิบายในแง่วิชาการการเกษตรว่า เพื่อเป็นการเพิ่มสาร GABA ในเมล็ดข้าวทางชีวะธรรมชาติ ปรับปรุงโครงสร้างคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนให้ย่อยง่ายพร้อมเพิ่มคุณค่าทาง โภชนาการ เพื่อให้มีสาร กลูตามีนออกมาจากเมล็ดข้าวด้วยวิธีธรรมชาติโดยจุลชีพ
การ ค้นคว้าวิจัยของนักวิทยาศาสตร์การเกษตรระบุว่า ยอดข้าวราชินีมีผลกระตุ้นฮอร์โมนให้ทำการระดับสม่ำเสมอทำให้ชะลอความชรา สำหรับสตรีมีผลต่อการสมานผิวโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะสตรีที่มีปัญหาปวด ท้อง และเป็นสิวในรอบเดือน นอกจากนั้น ยังกระตุ้นให้ตับขับเอนไซม์ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ควบคุมน้ำตาลในกระแสเลือด ช่วยขับสารแห่งความสุขใจ พอใจ ป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ลดโอกาสในการเป็นโรคไขข้ออักเสบ ส่งเสริมการหมุนเวียนของโลหิต ลดพลาสมาคอเลสเทอรอลในเลือด และกระตุ้นการขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เพื่อสลายไขมัน ความจริงคำบรรยายมีคุณสมบัติมากกว่านี้ แต่คัดมาเท่าที่เห็นว่าเป็นที่น่าสนใจเท่านั้น.
กว่าจะมาเป็นยอดข้าว เมื่อได้ยอดข้าว 5 พันธุ์ คัดอย่างดีมาจากหลายจังหวัดแล้ว การจะทำเป็นยอดข้าวราชินีให้ คุณค่าทางอาหารสูง แถมทำให้ร่างกายดูเป็นหนุ่มสาวกระชุ่มกระชวย จะต้องผ่านกรรมวิธีเอาข้าวทั้ง 5 พันธุ์นั้น แช่น้ำไว้ 4-8 ชม. เมื่อแช่ครบตามเวลาแล้ว นำเอาข้าวไปเพาะหนึ่งคืน เพื่อให้รากงอก น่าสังเกตว่าข้าวที่นำเอาไปแช่น้ำ เพื่อเพาะให้รากงอกเป็นข้าวที่ผ่านการสีเป็นข้าวสารเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แช่ข้าวทั้งที่ยังเป็นข้าวเปลือกอย่าได้สงสัยข้าวที่สีเป็นข้าวสาร แล้ว เอาไปแช่น้ำเพาะให้รากงอกได้ ถ้าหากจมูกข้าวยังอยู่ครบ
ต่อ จาก นั้นนำเอาข้าวไปนึ่ง 5-7 นาที โดยนึ่งด้วยหวดนึ่งข้าวเหนียวแบบชาวบ้านนั่นแหละ ไม่ได้ใช้หม้อนึ่งแบบอุตสาหกรรมใหญ่โตแต่อย่างใด เมื่อเสร็จสิ้นจากขบวนการนำเอาไปนึ่งแล้ว เอาข้าวทั้ง 5 พันธุ์ไปตากแดดเพื่อให้ความชื้นลดลงเหลือเพียง 13-15% ต่อจากนั้นจัดการเก็บยอดข้าวไทยทั้ง 5 พันธุ์ที่ตากแล้ว โดยแยกแต่ละพันธุ์ข้าวไว้จัดส่งไปให้แผนกที่มีหน้าที่จัดการผสมข้าว 5 พันธุ์เข้าด้วยกัน โดยสูตรการผสมข้าวที่ผ่านการคิดค้นมานานจนเกิดความลงตัว จะให้ผลดีด้านโภชนาการมากที่สุด โดยขณะนี้ยังไม่เปิดเผยสูตร
| เมื่อผสมยอด ข้าวทั้ง 5 พันธุ์ที่ผ่านขบวนการปรุงแต่งเรียบร้อยแล้ว จัดการบรรจุถุงผ้าดิบถุงละ 1 กก. เพื่อนำออกจำหน่ายเป็นอันเสร็จพิธี การบรรจุนั้นหากเป็นข้าวที่จะต้องส่งไปขายยังต่างประเทศ หรือที่ต่างประเทศสั่งซื้อจะบรรจุในภาชนะบรรจุสุญญากาศ โดยส่วนหนึ่งส่งไปขายที่อังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ในไทยเรานั้นข้าวกระยาทิพย์ เมื่อผสมยอดข้าวทั้ง 5 พันธุ์ที่ผ่านขบวนการปรุงแต่งเรียบร้อยแล้ว จัดการบรรจุถุงผ้าดิบถุงละ 1 กก. เพื่อนำออกจำหน่ายเป็นอันเสร็จพิธี |
คุณสมบัติต่างๆของข้าวไทย
'ปัจจุบัน เป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดการค้าข้าวทั่วโลก เนื่องจากเป็นข้าวคุณภาพดี กลิ่นหอม และรสชาติอร่อย ไม่เหมือนข้าวชนิดใดในโลก เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ ของไทยที่ก้าวไปไกลสู่ระดับสากล จึงอยากให้คนจดจำตรารับรอง THAI HOM MALI RICE มากยิ่งขึ้น' อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าว
ว่าไปแล้วข้าว หอมมะลิไทย มีหลากหลายสายพันธุ์แบ่งไปตาภูมิประเทศที่ปลูก และลักษณะพิเศษ อย่าง ข้าวหอมมะลิจาก จ.สุรินทร์ จะมีกลิ่นหอม เมล็ดเรียวยาว ขาวเป็นมัน หุงแล้วนุ่มเก็บไว้ได้นาน ส่วนข้าวหอมมะลิของจ.บุรีรัมย์ แดนดินถิ่นภูเขาไฟ ที่ดับสนิทเมื่อ 1 ล้านปีมาแล้ว แต่เมื่อมีการปรับตัวทางสภาพธรรมชาติ และภูมิศาสตร์แล้ว กลับกลายเป็นแร่ธาตุ ต่างๆ หลายชนิด ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชต่างๆ และข้าวขาวดอกมะลิที่ปลูกที่นี่ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดฤดูกาลผลิตปี 2547-2548 มาแล้ว
และ มาถึง เมืองที่รับแสงตะวันก่อนใครในสยาม จ.อุบลราชธานี ข้าวที่นี่จึงออกรวงและเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมนำออกสู่ตลาดก่อนจังหวัดอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภคมากทีเดียว
ที่มา หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2549
ข้าวจัดเป็นอาหารหลักที่มีความสำคัญต่อ ประชากรโลก มีผู้คนกว่าครึ่งโลกที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ประเทศไทยเรานั้น มีการบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักนานมาแล้วจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังการบริโภคข้าว เป็นอาหารหลัก และที่สำคัญนั้นข้าวเป็นแหล่งของอาหารที่ให้พลังงานแก่ชีวิต ในแต่ละวันของคนไทยเรา
ข้าวที่เรากิน จะต้องผ่านกรรมวิธีสีเอาเปลือกข้าวออก ในเมล็ดข้าวจะมีวิตามินแร่ธาตุและสารอาหารที่สำคัญ ต่อร่างกายรวม 20 กว่าชนิด แต่ข้าวที่อุดมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารที่กล่าวมานี้ จะต้องผ่านการสีแต่น้อย คือ สีเอาเปลือกข้าวหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า 'แกลบ' ออกโดยที่ยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่เราเรียกว่า 'รำ' อยู่ ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่มีคุณค่าอาหารที่มีประโยชน์มาก
ข้าวที่มีคุณค่าอาหารก็คือ ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวนึ่งก่อนสี ข้าวเสริมวิตามิน ข้าวกล้องนั้นในสมัยก่อนเรียกว่า ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวแดง ในสมัยก่อนชาวบ้านใช้วิธีตำข้าวกินกันเอง ซึ่งมัก ใช้ครกกระเดื่องตำจึงเรียกข้าวซ้อมมือ ปัจจุบันนี้จะไม่มีให้เห็นโดยทั่วไปแล้ว จะมีก็ในหมู่บ้านที่ห่างไกลตัวเมือง อย่างบนพื้นที่สูงเราจะพบชาวเขานำมาขายข้างทาง ซึ่งถ้าซื้อมาบริโภคจะมีประโยชน์มาก
ในสมัยก่อนนั้นเราจะ เห็นพวกชาวเขา และพวกชาวบ้านจะมีสุขภาพพลานามัยดี หน้าตาไม่ซีดเซียว ไม่ขาดสารอาหาร แต่ในปัจจุบันพบว่า ในบางพื้นที่มีการขาดสารอาหาร ซึ่งสามารถสังเกตได้ว่ามีหน้าตาซีดเซียว ไม่แข็งแรงในบางราย ซึ่งจากการสังเกต และสอบถามดูจะรู้ว่าอาหารการกินของเขาในแต่ละวันนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม
เมื่อก่อนเคยกิน ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ อุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันกินข้าวขาว กินอาหารที่แปรรูปมากขึ้น ทำให้ได้สารอาหารไม่เพียงพอ อาหารที่มีวางจำหน่าย ในร้านค้าในหมู่บ้านก็พบว่ามีอาหารสำเร็จรูปเป็นพวกขนมปัง แครกเกอร์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต่าง ๆ มากมาย และขนมใส่สีอีกมากมายหลากหลายชนิด เท่าที่สังเกตดูส่วนประกอบของอาหารสำเร็จรูปเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการ น้อยมาก จะมีก็แต่ในรูปของแป้งและน้ำตาล ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
ถ้าเทียบกับการ บริโภคข้าวและ อาหารไทย ๆ ในสมัยก่อนจะมีประโยชน์มากกว่า ข้าวกล้องนั้นจะมีโปรตีนประมาณ 7-12 เปอร์เซนต์ ซึ่งก็แล้วแต่พันธุ์ข้าว การขัดสีข้าวกล้องจนมีสีขาวจะทำให้ โปรตีนสูญหายไปประมาณ 30 เปอร์เซนต์ ถ้าดูอย่างผิวเผิน การสูญเสียงเพียงแค่นี้ไม่มากนัก ซึ่งคนส่วนใหญ่กินข้าว กันวันละ 3 มื้อ และข้าวเป็นอาหารที่เรากินมากที่สุด จึงจำเป็นที่เราควรจะคำนึงถึงคุณค่าในสิ่งที่เรากินเข้าไป ข้าวขาวที่กินในแต่ละวันนั้นมีคุณค่าสารอาหารน้อยกว่าข้าวกล้อง ในข้าว กล้อง จะมีคุณค่าแร่ธาตุมากมาย ที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกาย คือมีวิตามินบีรวม ซึ่งจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขา ไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำให้เจริญอาหาร
- วิตามินบี 1 ซึ่งถ้ากินพวกข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวนึ่งก่อนสี ข้าวเสริมวิตามินจะช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้
- วิตามินบี 2 ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก คือ จะมีอาการเป็นแปลที่มุมปาก ทั้งสองข้าง ริมฝีปากบวม ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตาสู้แสงไม่ได้
- แร่ธาตุฟอสฟอรัส ซึ่งจะช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
- แร่ธาตุแคลเซี่ยม จะช่วยลดอาการเป็นตะคริว
- แร่ธาตุทองแดง จะช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
- แร่ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางและช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
- สารอาหารโปรตีน จะช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
แต่เนื่องจาก โปรตีนในข้าวเป็นโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ การที่จะกินข้าวเพื่อให้ได้คุณค่าของสารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ก็โดยการกินร่วม กับ พวกถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ จะทำให้คุณภาพของโปรตีนในข้าวดีขึ้น เช่น จะใช้วิธีการง่าย ๆ โดยการนึ่งหรือหุงข้าวใส่ถั่วเขียว ถั่วลิสงหรือถั่วดำ ถั่วแดง ตามความชอบ ถั่วแต่ละชนิดมีคุณค่าแตกต่างกันไป แต่ก่อนจะนำถั่วมานึ่งหรือหุงรวมกับข้าวนั้นควรล้างแล้วแช่น้ำทิ้ง ไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ในน้ำธรรมดา ถ้าเป็นน้ำร้อนก็แช่ประมาณ 1 ชั่วโมง จะช่วยทำให้เอนไซม์บางตัวในถั่วไม่เกิด ปฏิกริยาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊ซ บางคนคิดว่ากินถั่วแล้วไม่ค่อยย่อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำที่ถูกต้องด้วย ถ้ากินข้าวกล้องผสมถั่วได้เป็นประจำจะทำให้เราได้คุณค่าสารอาหารที่สมบูรณ์ ทดแทนเนื้อสัตว์ได้
นอกจากนี้แล้ว ข้าวกล้องจะมีสารอาหารไขมัน ให้พลังงานแก่ร่างกายโดยเฉพาะน้ำนมในข้าวกล้อง เป็นน้ำมันที่ไม่มี โคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือด เพราะถ้ามีมากจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย
- ในข้าวกล้องมีไนอะซิน เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่จำเป็นสำหรับสุขภาพของผิวหนัง ลิ้น การทำงานของกระเพาะ อาหารและลำไส้ รวมทั้งการทำงานของระบบประสาท และโรคที่เกิดจากการขาดไนอะซิน ซึ่งมีอาการท้องเสีย ความจำ เสื่อมและอาการโรคผิวหนังหยาบและอักเสบแดง
นอกจากนี้การกินข้าวกล้องจะได้กากอาหารมาก ซึ่งจะทำให้ท้อง ไม่ผูกและยังช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วย
คุณ ค่าอาหารที่กล่าวมา ข้างต้นนี้ มีประโยชน์และจำเป็นที่ร่างกายต้องได้รับ ดังนั้น ในการบริโภคข้าว ควรจะได้ คำนึงถึงในเรื่องนี้เพื่อสุขภาพต่อตัวท่านเองและคนในครอบครัวด้วย จึงมีข้อกำหนดในข้อที่ 2 ดังกล่าวข้างต้นแล้วว่า กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราต้องการให้กินอาหารที่มี ประโยชน์มากกว่าพวกแป้ง ถ้าเป็นพวกข้าวกล้อง หัวเผือก หัวมัน ข้าวโพด จะดีกว่า แต่ในปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทย เปลี่ยนไป จึงมีการอนุโลมให้กินอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ สลับกับข้าวที่เป็นอาหารหลัก ไม่ใช่เป็นพวกแป้งทุกมื้อ จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้
http://www.ricethailand.go.th/rkb/data_007/rice_xx2-07_gatherNew_004.html
สูตรน้ำข้าวกล้องขึ้นโต๊ะเสวย
ด้าน นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว เปิดเผยสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอก ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า เริ่มจาก เมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่ เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย
'เสร็จ แล้วใช้ผ้าขาวบาง หรือกระชอน กรองน้ำออกมาดื่ม เพิ่มรสชาติโดยโรยเกลือป่นให้ออกเค็มเล็กน้อย ก็จะเพิ่มความอร่อย นอกจากความหอมหวานที่มีอยู่ในน้ำข้าวกล้องงอกแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสูตรที่ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวปทุมธานี ทำเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ทุก 3 วัน
ส่วนการหุงข้าวกล้องให้ได้รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น จะต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำสัก 1 ชั่วโมง ให้เมล็ดข้าวบานออกเล็กน้อยก็หุงได้ทันที จะ ทำให้เมล็ดข้าวนุ่ม น่ารับประทานมาก การหุงข้าว จะทำให้สารกาบ้าถูกทำลายไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่กาบ้าที่เหลือก็เพียงพอต่อร่างกายที่จะต้องบริโภคทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราทำให้ข้าวกล้องงอกขึ้นมา จะเพิ่มคุณค่าสารอาหารขึ้นอีก 10 เท่าเลยทีเดียว' นางลัดดาวัลย์ กล่าวตอนท้าย.
ชะลอความแก่ชรา
นัก วิชาการน้อมรับพระราชเสาวนีย์ ระบุสรรพคุณน้ำข้าวกล้องงอกดีกว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ช่วยระบบย่อยอาหาร ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ไม่ให้แก่ก่อนวัย เผยทำกินเองในครอบครัวได้ง่าย หรือจะทำขายก็ไม่สงวนสิทธิ์ เตรียมอบรมให้ประชาชนฟรี ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ในน้ำข้าวกล้องงอก มีสาร 'กาบ้า' จำนวนมาก มีสรรพคุณบำรุงประสาท และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดั[
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นายประเสริฐ โกศัลยวิตร อธิบดีกรมการข้าว กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสรรพคุณของน้ำข้าวกล้อง งอก ว่า จากการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญของ กรมการข้าว ได้ผลชัดเจนว่ามีสรรพคุณดีกว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย ราคาแพงที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดอย่างแน่นอน
อธิบดีกรมการข้าว กล่าวอีกว่าสำหรับคุณค่าทางสารอาหารเมื่อรับประทานน้ำข้าวกล้องงอก เป็นประจำทุกวัน จะช่วยในระบบย่อยอาหารของร่างกายให้ดีขึ้นด้วย ดูดซึมสารอาหารเข้าร่างกายได้เป็นอย่างดี แล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าคนในสมัยโบราณนำน้ำข้าวไปเลี้ยงลูก ทำให้เด็กเจริญเติบโตได้ดีและเป็นของหาง่าย ทำได้เองไม่ต้องซื้อหาให้เสียเงินตราต่างประเทศ
'ทุกวันนี้คน ไทยมองแต่อาหารเสริมจากต่างประเทศ ทั้งที่อาหารเสริมบางอย่างไม่เหมาะกับคนไทย รับประทานเข้าไปก็ถูกร่างกายขับออกมา บางอย่างยังสะสมในร่างกายอีกด้วย จริง ๆ แล้ว ของที่เป็นประโยชน์มีสรรพคุณครบถ้วนอยู่รอบตัวเรา และทำได้ง่าย ๆ ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เสวยข้าวกล้องตลอด
อธิบดี กรมการข้าวกล่าวอีกว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งให้กรมการข้าวนำผลิตภัณฑ์ข้าวต่าง ๆ ที่เราคิดค้นขึ้นมา จัดทำเป็นกระเช้าของขวัญเพื่อส่งความสุขในเทศกาลปีใหม่นี้ด้วย เพราะพระองค์ทรงต้องการให้คนไทยหันมาเห็นคุณค่าของข้าวไทย และตระหนักถึงสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติ ประโยชน์ก็จะกลับมาสู่คนไทย และเกษตรกรของเราเอง
ด้าน น.ส.อรพิน วัฒเนสก์ รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านปรับปรุงพันธุ์ข้าว 9 เปิดเผยว่าในน้ำข้าวกล้องงอก ต่อ 120 มิลลิลิตร มีสารอาหารมากมาย ได้แก่ โปรตีน 0.49 กรัม ไขมัน 2.05 กรัม ความชื้น 88.21 กรัม เถ้า (สารอาหารจำพวกหนึ่งช่วยย่อยอาหาร) 0.06 กรัม คาร์โบไฮเดรต 1.42 กรัม และกาบ้า 4.62 กรัม โดยสรรพคุณของ 'กาบ้า' จะช่วยแก้โรคอัลไซ เมอร์ บำรุงระบบประสาท ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ และยังช่วยชะลอความชราและฟื้นฟูสภาพผิวได้ดี
'การ รับประทานข้าวกล้องมี ประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะข้าวกล้องเป็นเหมือนข้าวขาวที่มีไฟเบอร์ หรือเส้นใย หรือกาก โดยกากของมันจะช่วยให้น้ำตาลในข้าวไม่ดูดซึมเร็วเกินไป ยกตัวอย่าง ถ้าเรากินข้าวขาวทั่วไปประมาณ 3 นาที ข้าวจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล รู้สึกหวานในปาก แต่ข้าวกล้องอมประมาณ 10 นาทียังไม่หวานเลย เพราะมีไฟเบอร์อยู่ ซึ่งจะช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำตาลดูดซึมเร็ว
ที่มา.....เทคโนโลยีการเกษตร
- การค้นพบพันธุ์ข้าวที่มีโภชนาการสูง มีกลิ่นหอม มีคุณภาพหุงต้มดี เช่น ข้าวธาตุเหล็กสูงที่มีสีขาวและหอมแบบข้าวขาวดอกมะลิ 105 ข้าวสีม่วงดำที่มีการสะสมสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงสุด และมี Provitamin A ในระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ข้าวเหล่านี้มี Glycemic index อยู่ในระดับที่ต่ำปานกลาง พันธุ์ข้าวเหล่านี้เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการแปรรูปและผู้ผลิตข้าว คุณภาพสูงพิเศษ
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552 เวลา 20:25
พัชรี ตั้งตระกูล นักวิจัยจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า คณะวิจัยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ศึกษาเรื่องการใช้ ประโยชน์จากคัพภะข้าวและข้าวกล้องงอกเป็นอาหารสุขภาพเพื่อเพิ่มมูลค่า เพื่อศึกษาปัจจัยการผลิต สายพันธุ์ข้าวและสภาวะการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม
พัฒนากรรมวิธีการผลิต ข้าวกล้องงอกที่มี GABA สูง (GABA enriched-rice) จากข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ และนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ จากผลงานวิจัยพบว่า ในคัพภะข้าวเจ้า มี GABA สูงสุดในข้าวขาวดอกมะลิ 105 (37.2 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ส่วนข้าวเหนียวพบ GABA สูงสุดในพันธุ์ R258 (72.8 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม)
คน ไทยและผู้บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักมักนิยมรับประทานข้าวหุงสุกจากข้าวทั้ง เมล็ด และ ผู้ที่รับประทานข้าวกล้องเป็นประจำก็ยังมีน้อย เนื่องจากข้าวกล้องมีเนื้อสัมผัสที่แข็ง แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาบริโภคข้าวกล้องแทนข้าวขาวได้ก็จะทำให้ร่าง กายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ซึ่งการนำข้าวกล้องมาแช่น้ำให้งอก นอกจากจะได้ประโยชน์จากปริมาณ GABA ที่สูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ข้าวกล้องมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่มรับประทานได้ง่าย สำหรับข้าวกล้องที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้นั้น จะต้องเป็นข้าวกล้องที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่นานเกิน 2 สัปดาห์ ซึ่งจากการศึกษาวิจัยครั้งนี้
ปริมาณ GABA ที่วิเคราะห์ได้ในข้าว กล้องของข้าวเจ้าพบสูงสุดในข้าวกล้องพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 เมื่อนำเมล็ดข้าวกล้องขาวดอกมะลิ 105 ที่สมบูรณ์ ผ่านการคัดเลือกและทำความสะอาด นำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกโดยควบคุมอุณหภูมิ เป็นเวลานาน 36-72 ชั่วโมง โดยมีการเปลี่ยนน้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเกิดการหมัก และการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์ จากนั้นใช้น้ำร้อน เพื่อหยุดปฏิกิริยาการงอก
นำมาทำให้แห้งที่ อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เพื่อลดความชื้นของข้าวลงเหลือประมาณ 12-13% จะได้ข้าวกล้องงอกที่มีปริมาณ GABA สูงขึ้นเป็น 15.2-19.5 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าข้าวกล้องปกติ และขณะนี้คณะวิจัยกำลังดำเนินการขยายผลงานวิจัยสู่ระดับต้นแบบการผลิต ข้าวกล้องงอกโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร และกลุ่มธุรกิจข้าวส่งออก เพื่อร่วมพัฒนาสายการผลิตต้นแบบสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ GABA-Rice
สำหรับ เกษตรกรและผู้สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์ 0-2942-8629.
เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพของตนเอง ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html