วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ต่อยอด อบต.เศรษฐกิจพอเพียง

ต่อยอด อบต.เศรษฐกิจพอเพียง

นำพลังงานธรรมชาติเข้มข้นให้พืชสะสมไว้ใช้ได้แรมเดือน

http://ainews1.com/article464.html

Bookmark and Share

สำหรับเว็บเพจนี้ จะเน้นด้านการต่อยอดเกษตรอินทรีย์ และการสร้างรายได้ในทุกฤดูกาล ทั้งในหน้าแล้ง ฝนทิ้งช่วง และในหน้าหนาว ภาย ในหมู่บ้าน และหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียง หากมาดูภาพรวมพื้นที่สีเหลืองในแผนที่ข้างล่าง ที่ใช้ทำการเกษตรได้นั้น ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้พื้นที่อีก 80 %ต้องทิ้งร้างในหน้าแล้ง และในฤดูหนาว เสียเป็นส่วนใหญ่

ประเทศ ไทยยังมีพื้นที่ในเขตชลประทานไม่มากนัก และแม้แต่ในพื้นที่ชลประทานเอง ปริมาณน้ำก็ไม่เพียงพอแจกจ่ายให้แก่ประชาชน เนื่องจากน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่างๆ ไม่ได้มีน้ำอยู่เต็มอ่างทุกปี เกษตรกรส่วนใหญ่ในประเทศไทย จึงสูญเสียโอกาสสร้างรายได้ตลอดปี ไปอย่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง เนื่องจากผลผลิตทางเกษตรหน้าแล้ง และในช่วงฤดูหนาว หายากและมีราคาแพง หากเกษตรกรไทย มีสินค้าจำหน่ายในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ผู้ผลิตจะเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าได้เอง

alt

ก่อนลงในรายละเอียด ลองมาดูปัญหาต่างๆ ที่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง และการทำพืชผลอินทรีย์กันก่อน ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับเกษตรกร :

  1. คุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ และหรือน้ำหมักชีวะภาพ
  2. การปรับปรุงดิน
  3. ปัญหาของเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศขาดน้ำในฤดูแล้ง
  4. ปัญหาด้านการตลาด

ประการแรก การ ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทั่วประเทศ เราต้องพึ่งพาวัตถุดิบในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเศษพืช และมูลสัตว์ที่ได้จากวัตถุดิบที่มาจากดินเสื่อมโทรมไม่เหมือนสมัยโบราณ เมื่อทำการหมักให้ย่อยสลายสมบูรณ์แล้ว ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้ มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง หรืออาหารเสริมของพืชไม่เพียงพอ จึงทำให้ปริมาณของผลิตผลต่างๆออกมาไม่เต็มประสิทธิภาพของพืชแต่ละอย่าง

หากพืชได้รับธาตุอาหารต่างๆอย่างครบถ้วนจาก เอ็นฟังก์ชั่น เกษตรกรจะได้ผลิตผลจากพืชชนิดนั้นอย่างเต็มร้อย ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณตามธรรมชาติของพืชนั้นๆ รสชาติจะดี ไม่เน่าเสียง่าย ผิวสวย สีสรรสดเข้มงดงาม เห็นแล้วน่ารับประทาน สะดวกแก่การขนส่งถึงมือผู้บริโภคในภาวะที่สดใหม่น่ารับประทาน และเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานกว่า

เป็นผลิตผลอินทรีย์ที่สมบูรณ์ทั้งขนาดและปริมาณ สีสรรสวยงาม และเก็บเกี่ยวได้หลายรอบเช่น ไร่พริก เก็บได้ 7-8 รอบ/การปลูกครั้งเดียว ได้กำไรดีมาก เริ่มตั้งแต่ต้องนั่งเก็บ ยืนเก็บ สุดมือเอื้อม ที่ผลิตภัณฑ์ เอ็นฟังก์ชั่น ดูแลให้และไม่มีอันตรายใดต่อผู้บริโภค และต่อผู้ผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เก็บแตงกวาสดๆจากไร่ รับประทานเดี๋ยวนั้นได้เลย

การใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากเกินไป หากเกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งดี ในผลผลิตของพืชจะมีสารไนไตรท์ตกค้างอยู่มากเกินมาตรฐาน ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารก่อมะเร็ง

สำหรับเกษตรกรใน ระบบเอ็นฟังก์ชั่น มีปุ๋ยที่เป็นหัวเชื้อสกัดเข้มข้นพิเศษ ช่วยเสริมสร้างอาหารหลักและอาหารรองหรืออาหารเสริมให้กับพืชอย่างต่อเนื่องและครบครัน

ภาระหน้าที่ของเอ็นฟังก์ชั่น ช่วยให้พืชเจริญเติบโตรวดเร็วต่อเนื่อง ระหว่างการสังเคราะห์แสงแดด ในช่วงระยะเวลาต่างๆ พืชสามารถดึงเอาแร่ธาตุสารอาหารต่างๆที่พืชดูดซับพลังงานต่างๆจาก เอ็นฟังก์ชั่น ผ่านเนื้อเยื่อพืชทุกส่วนนำออกมาใช้ปรุงอาหารกับแสงแดด ในทุกระยะออกมาได้ตามที่พืชต้องการตลอดเวลา หลังจากดูดซึมสารอาหารทั้งหมดที่ฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น ไปแล้ว 45 นาที

พืช เอ็นฟังก์ชั่น เจริญงอกงาม ทั้งในระยะตั้งต้น และก่อนพืชจะผลิ ดอก ออกผล หลังจากทำการฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น แล้ว พืชสามารถดูดซับเก็บพลังงานจากปุ๋ย เอ็นฟังก์ชั่น เอาไว้ภายในทุกส่วนของพืช ได้ประมาณ1 เดือน ใน 1 ชุดของ เอ็นฟังก์ชั่น ยังมีตัวช่วยสำคัญต่างๆอีก 4 รายการแถมมาในกล่อง เพื่อการปรับสมดุล และเร่งการเจริญเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ให้แก่พืชทุกชนิด ในทุกฤดูกาล

เสมือนต้นพืชกำลังเติบโตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อม ที่มีความสมบูรณ์เกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นนั่นเอง เนื่อง จากภาวะแวดล้อมปัจจุบัน มีความผันแปรของอุณหภูมิอากาศค่อนข้างสูง สร้างความชงักงันต่อการเจริญเติบโตของพืช ในชุดของเอ็นฟังก์ชั่นมีสารตัวช่วยปรับสมดุลให้แก่พืชได้ตลอดเวลา

และในชุด เอ็นฟังก์ชั่น ยังมีสารอีกชนิดสำหรับปรับเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่พืช เพื่อให้พืชแข็งแรงทนต่อโรคต่างๆ และแมลงที่มารบกวน ส่วนการเสริมสีเขียวให้แก่ใบพืช ให้มีโคโรฟีลมากยิ่งขึ้น สำหรับใช้สังเคราะห์แสงแดดได้อย่างเต็มที่ เอ็นฟังก์ชั่น มี กรีนฟาสท์ ทำภารกิจนี้ให้แก่พืชทุกชนิด นอกจากนั้นในระบบ เอ็นฟังก์ชั่น ยังมี แอ๊คติ้ง หรือนางเอก

เป็นสาร ฮอร์โมนในการเร่งการเจริญเติบโตให้แก่พืช เริ่มตั้งแต่การเพาะเมล็ดเป็นต้นไป ช่วยเร่งการงอก และการเดินรากได้รวดเร็ว ช่วยให้รากยาวเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว เพื่อช่วยการหาอาหารให้พืช ให้สัมพันธ์กับการใช้สารอาหารสำรองจากเมล็ดพันธุ์หมดไปภายในสัปดาห์แรก ให้ต่อเนื่องในสัปดาห์ต่อๆไป

แอ๊คติ้ง เป็นสารช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช หรือใช้ฟื้นฟูต้นข้าวหลังจากถูกเพลี้ยไฟโจมตี ช่วยให้ใบพืชเจริญเติบโตขึ้นใหม่ได้รวดเร็ว หรือใช้ฟื้นฟูทำสาวพืชล้มลุกเช่นพริก ถั่วฝักยาว ให้ผลิดอก ออกผล ใหม่อีกรอบ ไม่ต้องเสียเวลามาเริ่มปลูกใหม่ ซึ่งเจ๊แจ๊ว ในไร่พริก เอ็นฟังก์ชั่น เก็บพริก เกิน 7 รอบ คุ้มแสนคุ้มกับการลงทุนใช้ เอ็นฟังก์ชั่น เพียงเล็กน้อย ช่วยทำไร่พริกมหัศจรรย์ ช่วยเจ๊แจ๊วหยิบเงินล้านด้วยการปลูกพริกไม่กี่ไร่ เพียงฤดูกาลเดียว ทึ่งมาก

แอ๊คติ้ง ช่วยดึงธาตุไนโตรเจนจากอากาศลงสู่รากขนอ่อนของพืช ช่วยเร่งให้การแตกกอเพิ่มขึ้นในพืชประเภทข้าวนาๆพันธุ์ นาข้าวที่เป็นนาดำ หรือนาโยน หรือข้าวไร่ ท่ามกลางสวนยางพารา ข้าว เอ็นฟังก์ชั่น จะแตกกอได้กอละ 35-50 ต้น จึงดำระยะห่างกว่าทั่วไป เพื่อ เว้นระยะช่องว่างให้ข้าวได้แตกกออย่างเต็มที่ รับแสงแดดที่เพียงพอได้ทั้งกอ ส่วนการทำข้าวไร่ก็จะประหยัดการใช้เมล็ดพันธุ์ลงซึ่งมีราคาแพง

และ แอ๊คติ้ง ยังช่วยป้องกันเชื้อราไปพร้อมกัน ทั้งหมดนี้ จะมีอยู่ในชุดของ เอ็นฟังก์ชั่น ที่ใช้ง่ายเมื่อผสมน้ำตามต้องการแล้วฉีดพ่นได้เลย ทั้งที่ต้น กิ่ง ใบ หรือเพียงบางส่วนที่บริเวณโคนลำต้นของต้นยางพารา หรือต้นไม้ที่มีทรงพุ่มสูงไม่สะดวกในการฉีดพ่นทั้งต้น ได้รับการฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น เฉพาะ บางส่วนของต้นไม้ ก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน เช่นฉีดพ่นโดยรอบต้นมะม่วงที่ต้นขนาดใหญ่ ส่วนประเภทปาล์มก็ฉีดพ่นเข้าสู่ คาคบที่ยอดได้เลย การดูดซึมทำได้ทั่วทุกส่วนผ่านเนื้อเยื่อพืชลงมาสู่ราก

ส่วนปาล์มตัวผู้ ไม่ต้องกำจัดทิ้ง เอ็นฟังก์ชั่น เปลี่ยนให้กลับมาออกผลได้เป็นปรกติเมื่อได้รับ เอ็นฟังก์ชั่นไป 3 ครั้งเท่านั้น ชาวสวนปาล์ม เอ็นฟังก์ชั่น ที่ชุมพร แฮบปี้มากๆ ไม่ต้องทำลาบยปาล์มตัวผู้ที่ปลูกมาแล้ว 5 ปี กลับมาให้จั่นออกผลในทุกๆกาบ เก็บเกี่ยวผลได้ต่อเนื่องทั้งปี

ส่วนสวนยางที่หมดหน้ายางจะตัดต่อไปแล้ว ทำการตัดแต่งเปลือกใหม่และฟื้นฟูด้วย เอ็นฟังก์ชั่น ให้เปลือกฟูนิ่ม กลับมาตัดได้น้ำยางมากกว่าเดิม หากต้นยางของเกษตรกรแก่แล้ว ยังไม่ต้องตัดโค่นออกไป มาทำสาวใหม่ด้วย เอ็นฟังก์ชั่น ต่ออายุการให้น้ำยางออกไปอีกนับ 10 ปี สิ่งที่เล่าให้ฟังเป็นผลที่เกษตรกร เอ็นฟังก์ชั่น ใช้ได้ผลแล้ว รายงานกลับมาและนักธุรกิจ เอ็นฟังก์ชั่น ไปเยี่ยมเยียน มี วีดีโอ เอ็นฟังก์ชั่น ในยูทูปให้เลือกชมมากทีเดียว

ส่วนที่ตกลง สู่พื้นดิน ถูกดูดซึมเข้าสู่ราก แทบไม่เกิดการสูญเสียปุ๋ยที่ใช้ และพืชจะใช้สร้างแป้ง เพื่อการเจริญเติบโต ระหว่างสังเคราะห์แสงแดด หลังจากฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น ไปแล้วประมาณ 45 นาที เป็นการลัดวงจรการให้ปุ๋ยแก่พืชเร็วขึ้นอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ชาวสวนกล้วยไม้ เอ็นฟังก์ ชั่น ที่ราชบุรี ใช้ เอ็นฟังก์ชั่น 1 กล่อง (1 ชุด) ผสมน้ำ 4,000 ลิตร ฉีดพ่นฟาร์มกล้วยไม้ 10 ไร่ ทุกๆเดือน (ข่าวประเภทนี้ คนจำหน่ายไม่ค่อยอยากได้ยิน!)

ในชุดของ เอ็นฟังก์ชั่น ยังมีสารสำคัญอีกตัว ช่วยพืชให้ปรุงอาหารหรือสังเคราะห์แสงแดดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสมือนมีครัว ที่มีประสิทธิภาพสูงระดมปรุงอาหารจานด่วนให้แก่พืช ทุกเวลาที่แดดออก นั่นคือสาร กรีน ฟาสท์ สร้างสีเขียวใบพืช แทนการใช้ปุ๋ยยูเรีย และไม่มีสารไนไตรท์ตกค้างเหมือนกับปุ๋ยยูเรีย ไนไตรท์เป็นสารก่อมะเร็ง ยูเรียก่อให้เกิดสารเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้น (แต่กรีนฟาสท์ใช้ผลิตระเบิดไม่ได้) ซึ่ง กรีนฟาสท์ ให้คุณประโยชน์แก่พืช และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ไม่เกิดอันตรายใดๆกับผู้ใช้ แม้จะใช้มือเปล่าๆคนในถังผสมปุ๋ยก็ตาม และยังชิมรสได้อีกด้วย เอ็นฟังก์ชั่นไม่ ต้องใช้บ่อย ในนาข้าวทั่วไปจะใช้ฉีดพ่นเพียง 2 ครั้งก็รอเก็บเกี่ยวได้แล้ว ไร่ข้าวโพดใช้เพียงครั้งเดียว แล้วรอเก็บเกี่ยว ในไร่ผักต่างๆก็เช่นเดียวกัน ใช้เพียงครั้งเดียว แต่ในปริมาณที่เบาบางลง ประหยัดปุ๋ยเพิ่มขึ้น ส่วนนาข้าวได้ข้าวเปลือกความชื้นต่ำอยู่ในเกณฑ์ 17-19 % ซึ่งไม่มีปุ๋ยชนิดใดทำเกณฑ์ความชื้นตรงนี้ได้

ต้องกระโดดไป ที่ 25-29 %ก็มีมาก ถูกโรงสีข้าวกดราคารับซื้อข้าวเปลือก ได้เห็นแล้วน่าสงสาร ที่ได้ข้าวปริมาณมาก ลงทุนใช้ปุ๋ยต่างๆมาอย่างดี หมดเงินทุนไปมิใช่น้อย แต่ขายได้เงินน้อย ต้องมาตายตอนจบ เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วใส่รถบรรทุกมาถึงโรงสีข้าว ตรวจสอบความชื้นแล้วเกินเกณฑ์ไปมาก ตอนที่กำลังเก็บเกี่ยวก็แสนดีใจ ข้าวของเราน้ำหนักดีจัง เสียค่าบรรทุกเพิ่มมากขึ้นอีก ข้าว เอ็นฟังก์ชั่น เนื้อแน่นหนัก เมล็ดข้าวสุกเสมอกันทั้งแปลง

ขายข้าว เปลือกได้ราคาสูงเกือบเต็มเพดานราคา ที่ตั้งความชื้นต่ำเกินความจริงเพียง 15 %เท่านั้น มันเป็นการช่วยพ่อค้ารับซื้อกันชัดๆ ให้ใช้เป็นข้ออ้างฟันราคารับซื้อจากชาวนา ที่พูดไม่ออก เมื่อข้าวไปถึงโรงสีข้าวแล้ว ถึงได้ทราบ

การเจริญเติบโตของข้าว หรือพืชชนิดอื่นๆที่ปลูกเป็นแปลงๆ จะเจริญสม่ำเสมอกันทั้งแปลง ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว ได้พร้อมๆกันทั้งแปลง แปลงผักจะไม่ปรากฏเว้าๆแหว่งๆในแปลงของ เอ็นฟังก์ชั่น ซึ่งเกษตรกรจะมีปัญหาตรงนี้ค่อนข้างมาก ยากในการบริหารให้พืชทั้งแปลงเติบโตได้เท่าๆกันทั้งแปลง แต่ เอ็นฟังก์ชั่น ให้ตรงนี้ได้อย่างดี ดังนั้นการเกี่ยวข้าวพลับพลึง ตามหลักการเกี่ยวข้าวพลับพลึงของกรมการ ข้าว ให้ได้ข้าวเปลือกคุณภาพดีที่สุด หลังจากแห้งน้ำในนาแล้ว 10 วันก่อนการเก็บเกี่ยวโดยเก็บเกี่ยวหลังจากข้าวออกดอกบานแล้ว 28-30 วัน (นาเอ็นฟังก์ชั่นข้าวจะมีดอกบานพร้อมกัน 3 วาระ)

ใน นาเอ็นฟังก์ชั่น เกษตรกรสะดวกมาก แทบไม่ต้องกังวลใดๆเลย และงวงเมล็ดข้าวจะเหนียวเป็นพิเศษ ลดการหล่นร่วงสูญเสียระหว่างเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ในรวงข้าวยังมีเมล็ดลีบน้อยมาก น้อยกว่า 5 %ที่ปลายรวงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2 % แล้วยังมีเนื้อในเมล็ดข้าวแน่นแข็งต้องใช้ฟันขบจึงจะแตก เนื้อใส รสชาติดีหุงสุกแล้วทานอร่อย

เมื่อ 13 ปีก่อน เอ็นฟังก์ชั่น ทำ งานโดดเดี่ยวเพียงลำพังขวดเดียวเข้มข้น ไม่มีผู้ช่วยร่วมกันทั้ง 4 ชนิดในภารกิจเฉพาะอย่าง เช่นในปัจจุบัน ที่ได้รับการปรับปรุงสูตรเพิ่มเติมสู่ความสมบูรณ์ในงานเกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรผสมผสานที่เกษตรกรบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี เอ็นฟังก์ชั่นให้ผลิตผลเต็มประสิทธิภาพของพืชแต่ละชนิด โดยเฉพาะใน อบต. ที่ทำเกษตรอินทรีย์เน้นการบำรุงดินดีอยู่แล้ว...พร้อมอย่างยิ่งในการ นำ เอ็นฟังก์ชั่น มาช่วยต่อยอด ให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ ขึ้นในไร่ ในสวนของพี่น้องชาวเกษตรอินทรีย์โดยทั่วกัน

เอ็นฟังก์ชั่น จะช่วยต่อยอด ให้การทำพืชผักอินทรีย์ของเกษตรกรทั่วประเทศ มีความสุข ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค มีสุขภาพดีห่างไกลจากโรค ทำให้ทุกอย่างราบรื่น และสะดวก ประหยัด ลดต้นทุนการผลิต แก่การทำงาน ที่พอดี ไม่มีการเฝือใบ เช่น เดียวกับการใช้ปุ๋ยยูเรีย ซึ่งจะเป็นการสร้างรีสอร์ตอย่างดีให้กับแมลง ใช้หลบแดดและยังทำให้พืชอวบน้ำ เป็นอาหารเลิศรสสำหรับแมลง

ซึ่ง นาข้าวเอ็นฟังก์ชั่น ใบข้าวตั้งตรง ได้สัดส่วนกับความสูงของลำต้น ต้นข้าวไม่ล้มเมื่อข้าวสุกเต็มรวง เนรมิตทุ่งรวงทองที่สวยงามไม่มีที่หลบแดดให้แก่แมลง และต้นข้าวและใบยังมีคายที่แข็งคม บาดปากแมลงอีกด้วย ต้นก็แข็ง

จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของแมลง ที่จะเลือกมาวางไข่ แมลงจึงเลือกไปที่แปลงใกล้เคียงรอบๆนา เอ็นฟังก์ชั่นแทนที่ จากประสพการณ์จริงที่เกิดขึ้นในนารอบๆแปลง นาเอ็นฟังก์ชั่น ในแปลงนาเอ็นฟังก์ชั่น ให้น้ำใส ไม่ร้อน อุดมด้วยออกซิเจน และไม่มีตระใคร่น้ำ จึงเป็นที่อยู่อาศัยของปลาได้เช่นในอดีต ที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เป็นจริงขึ้นได้อีกวาระหนึ่ง

รอบๆโคนต้นข้าวจึงไม่มีคราบสีดำสกปรก อย่างนาปุ๋ยเคมี ดังนั้น เอ็นฟังก์ชั่น จะมาช่วยต่อยอดงานเกษตรอินทรีย์ ให้แก่เกษตรกรเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่มีสารพิษใดๆตกค้าง ที่องค์การอาหารโลกให้การรับรอง และต้องการ เอ็นฟังก์ชั่น ไปเผยแพร่ให้แก่ประเทศสมาชิกทั่วโลกใช้ผลิตอาหารอินทรีย์ ซึ่งทางองค์การอาหารโลกสนับสนุน และกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก

ฟังแล้วไม่ มีใครจะแน่ใจได้ ยังไม่ต้องเชื่อตามที่กล่าวมา ลองทดลองซื้อใช้เพียงกล่อง สองกล่องเท่านั้น แล้วจดบันทึกทุกรายการเปรียบเทียบกับแปลงที่ไม่ได้ใช้ หรือการเกษตรแบบเดิมที่ทำอยู่ ความจริงทุกประการที่ท่านได้รับจากเอ็นฟังก์ชั่น จะตอบคำถามด้วยตัวของมันเอง หรือทำความสงสัยต่างๆให้หมดสิ้นไป ก่อนการตัดสินใจทำเกษตรอินทรีย์ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับ เอ็นฟังก์ชั่น ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง และมีความสุขทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน

ใช้ เอ็นฟังก์ชั่น หนึ่งขวด ได้แถมอีก 4 ขวดฟรีๆ ซึ่งแต่ละขวดล้วนมีหน้าที่ต่อพืชที่แตกต่างกัน อยู่พร้อมสรรพ ให้ผลคุ้มค่าราคา เสมือนได้เปล่า หลังจากที่ท่านเก็บเกี่ยว และขายผลิตผลได้เงินเพิ่มอีกก้อนโต 1+4 ช่วยกันทำงานเป็นทีม ให้แก่พืชของ ครอบครัว เอ็นฟังก์ชั่น แม้คิดจะใช้ก็เริ่มรวยแล้ว...

ประการที่ 2 การปรับปรุงดิน เกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์มาแล้วระยะหนึ่ง จะทำการปรับปรุงดูแลดิน ให้มีคุณภาพดีขึ้นมาแล้วขั้นหนึ่ง เอ็นฟังก์ ชั่น ยังช่วยปรับปรุงดิน ให้มีสภาพกรดด่างพอเหมาะแก่ปลูกพืช และช่วยให้ดินร่วนซุย อุดมด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชและใส้เดือนดินกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และยังใช้ได้ดีแม้ในดินลูกรัง แม้ผักชีก็ยังเจริญงอกงามในดินลูกรังไม่แพ้ที่ปลูกในดินดีของภาคกลาง

ดังนั้นแปลงเกษตรที่ผ่านการใช้ เอ็นฟังก์ชั่น ไปแล้วระยะหนึ่ง ดินจะยิ่งมีคุณภาพเหมาะสมแก่การปลูกพืชมากยิ่งขึ้น และช่วยเก็บสะสมธาตุอาหารพืช ในตอซัง และเศษพืชต่างๆได้มากขึ้น ปุ๋ยพืชสดที่ไถกลบจึงมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ฤดูกาลต่อไปใช้ เอ็นฟังก์ชั่น ลดลง รวมทั้งแร่ธาตุอาหารในดินที่พืชใช้ไม่หมด ก็จะถูกนำมาใช้ได้อย่างดี (ซึ่งเกษตรกรจะสังเกตอาการของการเจริญเติบโตของพืช ไม่ให้เฝือใบเกินไป ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องฉีดพ่น เอ็นฟังก์ชั่น ครั้งแรกที่ระยะ 25 วันก็ได้สำหรับนาข้าว)

ส่วนใน แปลงเกษตรเคมีเดิม เอ็นฟังก์ชั่น จะช่วย ให้พืชนำปุ๋ยเคมี ที่ตกค้างในดินจำนวนมากที่พืชใช้ไม่ได้ ให้กลับมาเป็นประโยชน์แก่พืชได้อย่างดี ดังนั้น ในแปลงเคมีจึงต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี ที่จะได้พืชอินทรีย์อย่างแท้จริง แม้จะใช้ เอ็นฟังก์ชั่น ที่เป็นอินทรีย์ล้วนๆแล้วก็ตาม

(ต้องการไปทัวร์ตามไร่นา ทั่วประเทศกับ เอ็นฟังก์ชั่น วีดีโอ ได้ที่ ลิงค์นี้ หรือ artavan2)

ประการที่ 3 ปัญหาขาดแคลนน้ำ ในหน้าแล้ง หรือเกิดฝนทิ้งช่วง จนต้นข้าวตาย ในนา เอ็นฟังก์ชั่น ต้นข้าวทรงตัวอยู่ได้นานกว่าปรกติ แต่ไม่โต ขณะที่แปลงอื่นๆตายไป เมื่อได้น้ำฝน ข้าวในนาเอ็นฟังก์ชั่น จะเร่งการเติบโตอย่างรวดเร็วที่รอคอยจังหวะฝนมา ผลิ ดอก ออกผลได้อย่างรวดเร็ว แต่ได้ผลไม่เต็มร้อย อาจแค่พอเสมอทุน หรือมีกำไรบ้าง ไม่ต้องเริ่มงานเตรียมแปลงแล้วปลูกใหม่ ซึ่งเสียทั้งเวลา และสิ้นเปลืองเงินทุนรอบใหม่ เอ็นฟังก์ชั่น จึงช่วยลดความเสี่ยงให้แก่เกษตรกรบนนาน้ำฝน

แต่ที่กำลังจะพูดถึงการแก้ปัญหาโลกแตก ใน ภาวะการขาดน้ำบนที่ดินเกษตรกรรมจำนวนมหาศาลทั่วประเทศ ปัจจุบันมีเกษตกรแนวหน้าที่โชคดีประมาณ 50 กลุ่มในปี พ.ศ. 2553 ได้มีอุปกรณ์เรียกฝนพิเศษใช้ ประดิษฐ์ขึ้นโดยพระอาจารย์รัตน์ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง สิ่งประดิษฐ์เพียงหนึ่งเดียวของโลก เริ่มทดลองเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนกระทั่งใช้ได้ผลดี และบริจาคให้ใช้ฟรีแก่เกษตรกรหลายกลุ่ม แก้ปัญหาภัยแล้ง มีรัศมีทำการ 19 กม.ต่อเครื่อง

เกษตรกรที่ สนใจต้องรวมตัวกัน ในรัศมี 19 กม. แล้วสั่งทำเครื่องมือดังกล่าวล่วงหน้า โดยทางวัดไม่ได้ทำการค้า ทำให้ในราคาทุน ล็อตแรกมีญาติโยมออกเงินทำบริจาคช่วยเกษตรกรฟรี มีต้นทุนการผลิตประมาณเครื่องละ 1 หมื่นบาท ท่านอาจารย์ได้เริ่มใช้มาแล้ว 4 ปี ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมือง และผู้ปกครองบ้านเมืองแต่อย่างใด ตรงกันข้ามรัฐบาลฟิลิบปินส์ มาขอยืมทั้งเครื่องและคนไทยไปใช้ฟรี ในประเทศของเขา 1 เครื่อง

และเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลในประเทศตะวันออกกลางได้นิมนตร์พระอาจารย์เดินทางไปสาธิต เครื่องเรียกฝน และต่อไปจะเลยไปประเทศต่างๆในทวีปอาฟริกา เพื่อช่วยเหลือประเทศเหล่านั้นที่ประสบความแห้งแล้งกันดาร ให้มีน้ำกินน้ำใช้ ในการทำเกษตรกรรม โดยใช้เครื่องเรียกฝนของพระอาจารย์ ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติที่จะประสบ ภัยแล้งมากยิ่งขึ้น ปีนี้เกิดน้ำท่วมรุนแรงฉับไวมากกว่า 30 จังหวัดสร้างความเสียหายมากมาย แก่พืชผล ที่รออีก 2-3 สัปดาห์ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ต้องมาสูญเสียไปกับเหตุการณ์น้ำท่วมต่อหน้าต่อตา

และในปีหน้า 2554 ปรากฏการณ์ เอลนีโย่ และลานีญ่า จะยิ่งเกิดการแห้งแล้งยาวนานยิ่งขึ้นกว่าเก่า ต่อเนื่องหัวปีท้ายปี ไปอีกหลายปี และก็จะเกิดน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆในประเทศไทยมากขึ้น อาจถึง 57 จังหวัด รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเก่า...ตามที่โลกร้อนขึ้น

ทั้ง มีลมพายุหมุนรุนแรง และฝนตกหนักแถมมาด้วย ในเดือน ต.ค.-พ.ย ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ต้องวางแผนแก้ปัญหาล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เอาชนะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง แล้วยังต้องวางแผนให้เก็บเกี่ยวพืชผลให้เสร็จสิ้นก่อนที่น้ำจะท่วม อีกหลายๆจังหวัดในรอบใหม่อีกด้วย....ระยะ 5-6 ปีข้างหน้านี้ เห็นทีมีแต่รถยนตร์ใช้เพียงอย่างเดียวคงไม่พอแล้ว จะต้องมีเรือหางสั้นเอาไว้อะไหล่ด้วยจะได้ไม่ต้องลุยน้ำท่วม ถ้าไม่ย้ายไปอยู่บ้านใหม่

เมื่อกลุ่ม เกษตรกร ศึกษารายละเอียด สอบถามและไปเยี่ยมชมกลุ่มเกษตรกรก้าวหน้าในพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้ใช้เครื่องมือเรียกฝนมาก่อน และเตรียมตัวจัดหาอุปกรณ์เครื่องเรียกฝน ให้พร้อมใช้งานแล้ว จะช่วยเพิ่มความชื้นให้แก่ผืนแผ่นดินที่ทำการเกษตรได้อย่างพอเพียง ซึ่งพืชทุกชนิดต้องการความชื้นในดินเพียง 20 % เท่านั้น ไม่ต้องให้มากเกินไปจนน้ำไหลหน้าดิน สิ้นเปลืองไฟฟ้าเกินความจำเป็น เกษตรกรที่ใช้เครื่องมือเรียกฝน ใช้น้ำจากฟ้าราคาถูกได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องขุดสระ

หรือติดตั้งอุปกรณ์การให้น้ำพืชแต่อย่างใด นับว่าสะดวกง่ายดายมาก และโอกาสเช่นนี้ยังจะ ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์และโอกาสที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน บนผืนแผ่นดินไทย และของโลกให้แก่กลุ่มเกษตรกรอย่างดียิ่ง ในการทำเกษตรผสมผสาน ในหน้าแล้งและหน้าหนาว มีตัวเลือกปลูกพืชพันธุ์ที่มีมูลค่าสูงต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ด้วยคุณภาพสูงได้ทั่วประเทศ

นำที่ดินที่ถูกทิ้งร้างในหน้าแล้ง และในฤดูหนาวนำมาสร้างผลผลิต ที่ตลาดขาดแคลน และมีความต้องการสูง ในหน้าแล้ง และในฤดูหนาว ที่กลุ่มอื่นๆไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ เช่นชาวสวนหน่อไม้ฝรั่ง สามารถผลิตหน่อไม้ฝรั่งส่งออกประเทศญี่ปุ่นในฤดูหนาว ด้วยตัวช่วยจาก เอ็นฟังก์ชั่น ได้เป็นปรกติ

เกษตรกร สามารถปลูกถั่วฝักยาว ขายได้ราคาดี ในฤดูหนาว เป็นต้น และยังฝักยาวอวบกรอบหวานน่ารับประทาน เก็บขายได้มากกว่า 2 รอบ ส่วนที่จังหวัดเพชรบุรี ชาวสวนมะนาว เอ็นฟังก์ชั่น ปลูกมะนาวขายในช่วงเดือน เม.ย. ลูกละ 10-15 บาท แทนการทำมะนาวออกมาตามฤดูกาลลูกละ 25 สตางค์ เป็นต้น...สร้างรายได้จากมะนาว ต้นละ 5,000-10,000 บาท..แล้วท่านคิดว่าจะปลูกเอาไว้รอบๆบ้านซักกี่ต้นดี...ขอทำรายได้ปีละครั้ง ก็พอ

เมื่อพี่น้องเกษตรกรมีทั้ง น้ำจากฟ้าราคาถูก และตัวช่วยจาก เอ็นฟังก์ ชั่น เป็นพระเอก และมีผู้ช่วยชื่อ แอ๊คติ้ง เป็นนางเอก ช่วยงานเกษตรอินทรีย์โดยไม่เกี่ยงฤดูกาล เกษตรกรก็มีอิสระภาพเต็มที่ สามารถเลือกผลิตพืชเศรษฐกิจ ได้ถูกจังหวะเวลามากมายหลายชนิด แล้วแต่ละท้องถิ่นจะต้องการผลิตผลชนิดใด และผลิตได้รวดเร็วด้วยการช่วยร่นระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้ด้วย ทำให้ประหยัดค่าบำรุงรักษาลง และมีรายได้ไวขึ้นเกษตรกรก็จะมีรายได้อย่างพอเพียงเกิดขึ้นตลอดทั้งปี การแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำซากมาเกือบตลอดชีวิต จะได้คลี่คลายลง



พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ กำลังแวะมาดูการประกอบเครื่องมือเรียกฝน

ส่วนรายละเอียดของเครื่องเรียกฝน แวะศึกษารายละเอียดที่ http://ainews1.com/article337.html ส่วนเอ็นฟังก์ชั่น ที่ http://www.ainews1.com/article12.html

ซึ่งอินเทอร์เน็ตใน อบต.ต่างๆ จะช่วยพี่น้องเกษตรกร ในเขตของตนเองได้อย่างดี และร่วมมือกันศึกษาหารายละเอียด ให้เป็นที่พอใจ เกิดความมั่นใจ ในสิ่งต่างๆที่กล่าวแล้วที่จะนำมาช่วยแก้ปัญหาการผลิตภาคเกษตรกรรมในรูปแบบ ใหม่ ต่อยอดเศรษฐกิจพอเพียง ในภาคเกษตรอินทรีย์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ประการที่ 4 เรื่องการตลาด นานมากแล้ว ที่เกษตรกรส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสในการกำหนดราคาสินค้าของตนเอง เป็นการเสียเปรียบอย่างยิ่ง เท่าที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการ ท่านคงมองเห็นชัดเจนแล้วว่า เราจะไม่ตกเป็นผู้เสียเปรียบอีกต่อไป โดยเกษตรกรผู้ผลิต จะเป็นผู้กำหนดราคาขายสินค้าของตนเอง และมีมาตรฐานการผลิต ตราเอ็นฟังก์ชั่น เป็นของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพามาตรฐานสินค้าของที่อื่นใดให้ยุ่งยาก ใครก็ทำได้ และผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด ว่าคุณภาพของสินค้า เอ็นฟังก์ชั่น รับประทานอร่อย และเป็นผลดีแก่สุขภาพของเขาอย่างไร จึงระบุแต่สินค้า ในครอบครัวเอ็นฟังก์ชั่น ก่อนสินค้าอื่น

และต่อไปผู้ผลิตสามารถพัฒนาการตลาดใน ประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ จัดส่งสินค้าพืชผักผลไม้ ถึงผู้บริโภคในเมืองใหญ่ เป็นรายสัปดาห์ได้โดยตรงเป็นกลุ่มๆเป็นสายให้พอเหมาะกับรถ ที่ใช้ขนส่งสินค้าให้เกิดความประหยัดแก่ทุกฝ่าย ไม่ต้องผ่านคนกลาง ดีทั้งผู้บริโภค และผู้ผลิต และในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ พืชผักผลไม้ในตู้เย็นของลูกค้าประจำ ยังอยู่ในสภาพสดใหม่ ไม่เสียหายแต่อย่างใด

ส่วนที่มีมากกว่าการบริโภคภายในประเทศ ก็ทำการส่งเสริมแปรรูปเพิ่มมูลค่าส่งออกสู่ตลาดอาหารอินทรีย์นาๆชาติ ที่ต้องการบริโภคสินค้าในมาตรฐานธรรมชาติจากประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่แม้แต่ชาวดาวอังคารก็ได้ให้การแนะนำส่งเสริม เอาไว้อย่างมั่นคงนานแล้ว ว่าการแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตผลการเกษตรของไทย จะสร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างงดงาม ตลอดทั้งปี

ไม่ต้องเดินตามระบบทุนนิยม และสั่งซื้อสินค้าภาคเกษตรกรรม จากเมืองนอกเข้ามาอีกต่อไป และยังจะช่วยประหยัดเงินตราค่ารักษาพยาบาลสุขภาพ ให้แก่ประชาชนไทยในประเทศชาติของเราอีกจำนวนมหาศาล ไม่รวมถึงการสั่งสินค้าเคมีภัณฑ์จากต่างประเทศ ปีละหลายแสนล้านบาทในภาคเกษตรกรรม ที่ไม่ต้องเสียไป และสินค้าเหล่านั้นยังเข้ามาทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมโหฬารอีกด้วย ทั้งบนดิน ใต้ดิน และในอากาศ

ต่อไปเป็นรายการแถมท้าย ที่สำคัญต่อทุกเพศวัย คือเรื่องรักษาสุขภาพจากชาวดาวโพเพทัส ที่มีชื่อเสียงและไร้ตัวตน หรือหมอแกนกายสิทธิ์ทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถเป็นหมอรักษาตนเองได้ มี สุขภาพดี ทั้งกายและใจ และยังช่วยพัฒนาจิตใจให้กลับไปสู่สภาวะจิตเดิม ได้อีกด้วย ทำเป็นแล้ว สามารถช่วยได้ทั้งในครอบครัวตนเอง และผู้อื่นได้ทั่วโลก ผ่านโปร แกรมคลื่นจิตของเรา ไปถึงเป้าหมายปลายทาง ได้ทีละมากๆไม่เกี่ยงปริมาณ เป็นการให้เปล่าด้วยเมตตาจิต ผู้สนใจเตรียมการล่วงหน้า สำหรับการมีชีวิตในโลกยุคพลังงานใหม่ ของชาวศิวิไลให้แวะศึกษารายละเอียดและวิธีการได้ที่ /article345.html

เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งต่อข่าวสารแก่เพื่อนๆ ได้มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆทุกเพศวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ทีลิงค์ /article385.html Bookmark and Share

1 ความคิดเห็น:

  1. ส่งเสริมแก้ปัญหา การผลิตอาหารอินทรีย์ เต็มประสิทธิภาพ ตลอดปี ทั้งหน้าแล้ง หน้าหนาว

    แก้ปัญหาโลกแตก ที่รัฐบาลไหนๆแก้ไม่ตก ด้วยภาคเอกชน ให้ลุล่วง ด้วยอุปกรณ์หนึ่งเดียวของโลก ใช้น้ำจากฟ้าราคาถูก ทุกเวลาที่ผืนดินต้องการความชื้นพอเพียง

    ให้ทันเวลาวิกฤต ในแล้ง ปี พ.ศ. 2554

    ตอบลบ