วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

ความเป็นมาของพระธาตุแสงแก้ว_ทุ่งหัวช้าง

ความเป็นมาพระธาตุแสงแก้ว- ตำบลทุ่งหัวช้าง

http://www.ainews1.com/article833.html

บอกเล่าโดยพ่อครูจรูญ สุริยวงศ์

เรื่องราว เกิดที่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 8 ตำบลทุ่งหัวช้าง อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน

ในปลายเดือนมีนาคม 2543 หลังจากที่แม่บัวเขียว สุริยวงศ์ คุณแม่ของข้าพเจ้า (อาจารย์จรูญ สุริยวงศ์) ไหว้พระสวดมนต์ เจริญสมาธิ ภาวนา ประจำวันแล้ว ท่านได้สังเกตเห็นแสงสว่างเป็นดวงเล็กๆ ขนาดหัวมือได้ลอยไปมา

ช้าๆ มีแสงสวยคล้ายแสงหิ่งห้อย

เพียงแต่มีขนาดโตกว่าหิ่งห้อยมากและไม่กระพริบเหมือนหิ่งห้อย ดวงแสงกลมๆ นั้นลอยไปมาอยู่นานพอสมควร ทำให้ในห้องโถงบ้านสว่างไสว พอมองเห็นอะไรได้ ท่านรู้สึกแปลกใจว่าเป็นอะไรกันแน่ แต่ใจก็มิได้นึกกลัว ท่านได้ตั้งสติพนมมือกล่าวคำอธิษฐานเบาๆว่า

'สาธุ ถ้าหากสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นนี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอได้โปรดสำแดงอภินิหาร ด้วยเถิด' หลังคำอธิษฐาน ดวงแสงกลมๆ ได้ขยายขนาดประมาณผลส้ม แล้วเปล่งประกายแสงพวยพุ่งออกมาหลายสีสวยงาม ท่านเองถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ ท่านก็ส่งเสียงเรียกปลุกให้ข้าพเจ้าและภรรยาตื่น ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นตกใจและรีบออกมาแต่ปรากฏว่าไม่ทันได้เห็นแสงประหลาดดังกล่าว ข้าพเจ้าถามคุณแม่ว่า 'อะไรครับแม่' ท่านตอบว่าไม่ทราบ แต่น่าจะเป็น 'พระธาตุเด็จ' หลายวันต่อมา ข้าพเจ้าได้ไปทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชา และได้พบก้อนหินลักษณะกลมขนาดเท่าหัวแม่มือ สีขาวขุ่น มีเส้นลายและจุดเล็กทั่วไป คิดว่าน่าจะเป็นลูกแก้วของเด็กชายเอก น้องชายคนเล็กของภรรยาข้าพเจ้า ที่มาจากจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้นำออกมาจากโต๊ะหมู่บูชา ไปใส่กระป๋องรวมกับลูกแก้ว 3 วันต่อมา ท่านแม่ยายก็พาน้องชายกลับไปบ้านที่จังหวัดสมุทรสาคร ตอนขนของขึ้นรถ ข้าพเจ้ายังได้ถือกระป๋องใส่ลูกแก้วพร้อมทั้งก้อนหินนั้นไปส่งด้วย เป็นอันว่า ก้อนหินนั้นเดินทางไปไกลถึงสมุทรสาครแล้ว

ปลายเดือนมีนาคม 2546 ระยะเวลาห่างกัน 2 ปีเต็ม ได้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง ในตอนดึกสงัด ได้ยินเสียงคุณแม่ คือ คุณแม่บัวเขียว สุริยวงศ์ เรียกปลุก ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นแล้วรีบปลุกทันที พอโผล่พ้นประตูห้องนอนก็ต้องตะลึงงันกับแสงสว่างงดงาม รู้สึกขนลุกทั้งตัวด้วยความปีติ ดวงแสงนั้นค่อยๆ ลอยๆไปทางโต๊ะหมู่บูชาแล้วแสงลดขนาดลงแล้วดับไป อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ข้าพเจ้าได้ไปทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชาก็ไปพบก้อนหินกลมๆ ก้อนเดิมอีก พิจารณาดูเท่าไหร่ก็เหมือนก้อนเดิม แต่ก็แปลกใจว่าได้ส่งไปสมุทรสาครตั้ง 2 ปีแล้ว ทำไมมาอยู่ที่นี่อีก และหรือชะรอยว่าก้อนหินนี้จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีแสงสว่างในคืนก่อน จึงได้นำใส่ไว้ในเบ้าเชิงเทียน บนโต๊ะหมู่บูชา

หลายวันต่อมา ขณะที่ภรรยาของข้าพเจ้าได้ไปทำความสะอาดโต๊ะหมู่บูชาแล้วทำหน้าตื่นลงมาหา แล้วถามข้าพเจ้าว่า 'คุณเห็นอะไรแปลกๆที่โต๊ะหมู่บูชาไหม?' ข้าพเจ้าเข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร จึงตอบว่า 'เห็น' ภรรยาถามอีกว่า 'ใช่ไหม?' ข้าพเจ้าตอบว่า 'สงสัย' การที่ภรรยาถามว่าใช่ไหมนั้น หมายถึงพระธาตุเสด็จนั่นเอง ทั้งสองเราได้ทบทวนเหตุการณ์ ครั้งที่สองที่เกิดขึ้นในบ้านและเวลาพบเห็นก้อนหินนั้นก็เป็นเวลาหลังจากเหตุเกิดไม่กี่วันเช่นเดียวกัน เพื่อคลายความสงสัย จึงตกลงกันว่าต้องนำไปถามท่านครูบาชัยวงศาพัฒนา เทพเจ้าของชาวเขา เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จะดีที่สุด เรารอจนลุถึงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 (แปดเหนือ)

วัดพระธาตุดอยกวางคำ มีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ ข้าพเจ้าและภรรยา พร้อมด้วยพระอธิการอมร เตชะปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดจริญญาวนารามได้พร้อมใจกันำพระอรหันตธาตุ 8 องค์ และลูกแก้วประหลาดนี้ รวมเป็น 9 องค์ ไปกราบนมัสการเรียนถามท่านครูบาชัยยะวงศ์ษา ครูบาเจ้าท่านรับไปพิจารณาแล้วหลับตาครู่หนึ่ง ท่านจึงบอกว่า ทั้งหมดนี้มิใช่ก้อนหินแต่เป็นพระธาตุทั้งสิ้น ยกเว้นองค์สุดท้ายท่านแกล้งทำเป็นนิ่งหันไปอมเมี่ยงสูบบุหรี่จนข้าพเจ้าต้องทวงถามว่า แล้วองค์สุดท้ายกลมๆ นี่ละครับเป็นพระธาตุของใคร ท่านหันกลับมามองหน้าข้าพเจ้าแล้วอมยิ้มนิดๆ (แต่ที่อยากรู้จริงๆก็คือองค์สุดท้ายว่าคืออะไรกันแน่) ครูบาเจ้าได้บอกว่า นี่คือพระธาตุของพระพุทธเจ้า แต่เป็นพระพุทธเจ้าองค์ก่อนโน้นไม่ใช่องค์นี้ เรียนถามท่านอีกว่า ชื่อว่าพระธาตุอะไรครับ ท่านว่า 'พระธาตุแสงแก้ว' 'แล้วมาอยู่ที่บ้านผมได้อย่างไร' ท่านตอบว่า 'พระธาตุนี้ศักดิ์สิทธิ์มากท่านจะลอยไปในอากาศ มีแสงสว่างขาวนวลสวยงาม อย่างที่คนทั้งหลายเห็นกันว่าพระธาตุเสด็จให้บูชารักษาไว้ให้ดี วันนั้นเราทั้งสามดีใจมากที่หายข้องใจและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ด้วย

จากนั้นมาอีก 2 ปี ในวันที่ 23 เมษายน 2538 เป็นวันคล้ายวันเกิดของครูบาท่าน พวกเราทั้งสามคนได้นำพระธาตุไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม และเรียนถามท่านเพิ่มเติมว่า 'จะให้กระผมทำอย่างไร?' ท่านตอบว่าให้บูชารักษาให้ดี และให้สร้างพระเจดีย์ไว้ประดิษฐานในวัด ถามท่านว่า 'กระผมเป็นครูบ้านนอกยากจนเช่นนี้จะมีปัญญาไหนมาสร้างพระเจดีย์ได้' ท่านตอบว่า 'ท่านมาหาเราก็เพราะว่าเราสร้างได้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องทุกข์ใจให้บูชาไว้ร่มเย็นดี อีกหน่อยจะมีผู้มีบุญที่เคยเป็นเจ้าของเก่าเขาจะพากันร่วมสร้างเอง' ท่านบอกด้วยเมตตายิ่ง และต่อมาครูบาเจ้าได้เดินทางชี้จุดที่จะสร้างพระเจดีย์ให้ที่อารามจริญญาวนารามด้วยองค์ท่านเอง

จากวันนั้นจวบจนเดือนเมษายน 2548 ได้มีพระสมุห์สง่า สนตจิตโต ลูกศิษย์ของท่าน ครูบาเจ้าได้เดินทางมาหาข้าพเจ้าที่บ้านและได้ขอดูพระธาตุ อีก 1 เดือนต่อมา วันที่ 15 พฤษภาคม 2548 พระสมุหสง่า สนตจิตโต ได้นำแบบพระธาตุที่ได้ออกแบบเองและมาเป็นประธานฝ่ายส่งฆ์เริ่มดำเนินการก่อสร้างและข้าพเจ้าเป็นฝ่ายฆราวาสควบคุมดูแลการสร้าง โดยมีทุนเริ่มต้นเพียง 1 หมื่นบาทเท่านั้น จากนั้นท่านได้ชักนำท่านสัตวแพทย์ สุรจิต ทองสอดแสง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเทคโนโลยีกรมปศุสัตว์เป็นประธานฝ่ายอุปถัมภ์การก่อสร้าง

(สำหรับองค์พระธาตุนั้น ท่านผู้รู้หลายท่านได้พิสูจน์ทดสอบเล็งญาณเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นพระธาตุของพระพุทธกัสสป พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 นั่นเอง)

อาจารย์จรูญ อาจารย์พาณี สุริยวงศ์

12 กรกฎาคม 2551

นอกจากองค์พระธาตุที่ได้ฉลองไปแล้ว ยังมีการพัฒนาอื่นๆเกี่ยวกับเป็นวัดที่ครบถ้วน ยังมีโอกาสที่ท่านสาธุชนจะร่วมบุญกุศล ผ่านไปที่ท่านพ่อครูจรูญ ที่ดูแลการก่อสร้างมาตั้งแต่ต้น และประกาศให้พระ เทพ พรหม เทวดา ทั้งหมด ที่พระธาตุแสงแก้วได้ร่วมโมทนากับการทำกุศลของเรา ให้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เช่นหลวงปู่ดู่ บอกไว้ว่า เองนึกถึงข้าครั้งหนึ่ง ข้าคิดถึงเองไปกลับ 7 เที่ยวเป็นต้น หลวงปู่ไม่ได้นึกถึงเราเปล่าๆร่วมโมทนาบุญและช่วยส่งเสริมเราให้ทำสิ่งเป็นประโยชน์ได้คล่องตัวและรวดเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อเราขอและแจ้งวัตถุประสงค์ กับท่านผู้เจริญทุกท่าน หลายๆท่านอาจรู้จักคุ้นเคยกับเราในชาตินี้มาก่อน จะได้เกื้อกูลช่วยเหลือกันต่อๆไป พ่อครูใช้ บ/ช ธนาคารกรุงไทยสาขาลำพูน: 511-1-53974-3 โทร 053-975189 กรุณาเรียนท่านว่ารู้มาจากเว็บนี้ ขอมีส่วนร่วมสร้างพระธาตุแสงแก้วด้วย

ท่านสาธุชนได้มาไหว้พระธาตุกันแล้ว ได้รับโอกาสใหม่ๆเพิ่มขึ้น ในด้านจิตใจ ส่วนในทางกายใจที่ยังต้องทำงานเพื่อยังชีวิตต่อไป พร้อมๆกับมาช่วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เนื่องด้วยประเทศไทยสูญเสียเงินรายได้ค่าใช้โทรศัพท์มือถือให้แก่ต่างชาติปีละประมาณ 500,000 ล้านบาท โลกยุค Transformation ทุกคนที่ใช้มือถืออยู่แล้วสามารถเข้ามารวมพลังสามัคคีช่วยชาติประหยัดเงินมหาศาลดังกล่าว โดยเข้ามาร่วมใช้อุปกรณ์ ที่ SSN โดยท่านประธานบริษัท ท่านพลเอก พิเษฐ์ วิสัยจร ได้ลงทุนติดตั้งระบบการตลาดอีเล็คโทรนิส์ เอาไว้ให้ทุกๆใช้พร้อมแล้ว ลงรายละเอียดได้ที่ ลิงค์นี้ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น